บันทึกการบุกเบิก Amphoreus
บันทึกที่ Dan Heng เรียบเรียงขึ้นในยามว่าง ซึ่งบันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่ได้พบเจอที่ Amphoreus ในช่วงนี้

ส่วนที่ 1

...

ตู้รถไฟถูกโจมตีโดยไม่รู้ที่มา และต้องลงจอดฉุกเฉินในสถานที่แห่งหนึ่งที่คล้ายกับวิหาร โชคดีที่เราไม่เป็นอะไรมาก ดูจากสิ่งปลูกสร้างที่อยู่โดยรอบแล้ว ก็พอคาดการณ์ได้ว่าโลกนี้มีอารยธรรมอยู่ ขณะสำรวจวิหาร เราก็ได้พบกับชาว Amphoreus เป็นครั้งแรก พวกเขาเรียกตัวเองว่าผู้สืบสายโลหิตทอง และมาที่นี่เพื่อช่วยพาผู้ลี้ภัยไปยัง "เมืองศักดิ์สิทธิ์" Okhema ชาว Amphoreus สองคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา ผู้สืบสายโลหิตทองที่ชื่อว่า Tribbie สามารถซ่อมแซมอาคารได้ โดยใช้ความสามารถในการฟื้นฟูมิติเวลาที่แสนมหัศจรรย์ ส่วนผู้สืบสายโลหิตทองที่ชื่อว่า Phainon ก็มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง และสามารถฟันหอกของฉันหักได้ ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว

พวกเราคุ้มกันผู้ลี้ภัยกลับไปยังเมืองศักดิ์สิทธิ์ แต่กลับบังเอิญเจอกับการบุกโจมตี Okhema ของ "Nikador" ไททันแห่งปฏิปักษ์ ไททันเป็นเทพเจ้าที่ชาว Amphoreus เคารพนับถือ ปัจจุบันยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเทพดาราหรือไม่ บริวารไททันของ Nikador มีความดุร้ายมาก ด้วยสถานการณ์ฉุกละหุก พวกเราจึงยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ และร่วมทางไปกับ Phainon เพื่อเอาชนะเหล่าบริวารและปกป้องชาวเมือง จนในที่สุดก็ได้เผชิญหน้ากับร่างศักดิ์สิทธิ์ของ Nikador อีกทั้งในระหว่างนั้น เรายังได้พบกับผู้สืบสายโลหิตทองที่ชื่อว่า Mydei และ Castorice ซึ่ง Mydei มีกำลังต่อสู้ที่ใกล้เคียงกับ Phainon ส่วน Castorice ก็สามารถพรากชีวิตได้ด้วยการสัมผัส

Nikador ที่บุกโจมตีเข้ามาในครั้งนี้ เหมือนจะเป็นแค่หนึ่งในร่างจำแลงของไททันแห่งปฏิปักษ์เท่านั้น และ Phainon ก็ไม่ได้รับเชื้อไฟที่พวกเขาบอกว่าสำคัญนักหนานั่นด้วย Aglaea ผู้นำของผู้สืบสายโลหิตทองพาพวกเรามายังวังศิลาเมฆา และให้ภูตในโรงอาบน้ำเล่าประวัติความเป็นมาของ Amphoreus ให้พวกเราฟัง พวกเราได้รู้ว่าไททันทั้งสิบสองตนสร้าง Amphoreus ขึ้นมา แต่ตอนนี้โลกกำลังประสบกับภัยคุกคามของวาระสิ้นโลก เทพเจ้าไททันค่อยๆ สูญเสียสติ เหล่าวีรชนผู้สืบสายโลหิตทองจึงจำเป็นต้องโค่นล้มไททัน แล้วจุดเชื้อไฟขึ้นมาใหม่ จึงจะสามารถช่วย Amphoreus เอาไว้ได้

Aglaea เองก็มีความสามารถพิเศษเช่นเดียวกัน... ด้ายทองของเธอสามารถอ่านใจคนได้ เธอยื่นคำขอแปลกๆ ให้กับพวกเรา นั่นคือห้ามบอกชาวเมือง Okhema ถึงตัวตนของเรา ซึ่งเป็นแขกจากนอกท้องฟ้าโดยเด็ดขาด "เมืองศักดิ์สิทธิ์" Okhema คือดินแดนแห่งแสงสว่างอันเป็นนิรันดร์เพียงแห่งเดียว ท่ามกลางราตรีนิรันดร์ของวาระสิ้นโลกในตอนนี้ พวกเราตระเวนเที่ยวในเมือง เพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตผู้คนท้องถิ่น และรวบรวมข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่ภาพถ่ายของ March 7th ดันเผลอหลุดออกไปโดยไม่ตั้งใจ นอกจากจะได้รับคำสรรเสริญจากชาวเมือง Okhema ว่าเป็น "เทพีพราวอัสดง" แล้ว ยังเกือบจะทำให้เกิดการสูญเสียด้วย พวกเราช่วยเหลือชาวเมืองที่หมกมุ่นกับการสำรวจนอกโลกคนนั้น โดยแลกกับการเปิดเผยตัวตนแขกจากนอกท้องฟ้า แต่การทำเช่นนี้ เป็นการผิดสัญญาต่อ Aglaea

...

สุดท้ายความโล่งอกของเราก็ถูกทำลายลง ด้ายทองของ Aglaea กระจายไปทั่ว Okhema และข่าวคราวนี้ก็ดังไปถึงหูของเธอจนได้ ผู้นำของผู้สืบสายโลหิตทองคนนี้ แสดงด้านที่โหดเหี้ยมออกมา เธอขู่เอาชีวิต และขอยืนยันถึงเจตนาการมาของเราอีกครั้ง ถึงแม้จะผ่านการทดสอบ แต่ความประทับใจของเราที่มีต่อ Amphoreus ก็ลดลงอย่างมาก ถึงขนาดที่คิดจะออกไปจากที่นี่ และเปลี่ยนจุดหมายปลายทางด้วยซ้ำ แต่หลังจากตาม Phainon ไปทำความเข้าใจการเดินทางกอบกู้โลกอันยากลำบากของผู้สืบสายโลหิตทองแล้ว สุดท้ายพวกเราก็ตัดสินใจอยู่ที่ Amphoreus ต่อ

หลังจากพักผ่อนเต็มที่แล้ว เหล่าผู้สืบสายโลหิตทองจึงมารวมตัวกันอีกครั้ง เพื่อเตรียมตัวไปปราบปรามเมืองปราการ Kremnos ที่ Nikador พำนักอยู่ และชิงเชื้อไฟของ "หอกทัณฑ์นภา" กลับมา ผู้บุกเบิก, Phainon และ Mydei มาถึงเมืองปราการ Kremnos แล้ว เมืองแห่งสงครามที่เคยเต็มไปด้วยเสียงฟาดฟันอาวุธ ปัจจุบันได้กลายเป็นเมืองร้างที่แสนอึมครึมไปแล้ว และ Nikador ผู้บ้าคลั่ง ก็อยู่ลึกเข้าไปในป้อมปราการเคลื่อนที่แห่งนี้

ในขณะที่สำรวจเมืองปราการ Kremnos อยู่นั้น ผู้บุกเบิก และคนอื่นๆ ก็บังเอิญได้รู้ว่า Nikador ได้วางแผนที่น่ากลัวเพื่อจู่โจม Okhema มานานแล้ว พวกเขาต่อสู้ไปจนถึงตรงหน้าของ Nikador แต่ไม่รู้ว่าไททันผู้มีชื่อเสียงในเรื่องเกียรติยศมาตลอดผู้นี้ ได้สร้างร่างอมตะให้กับตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่ ทั้งยังพยายามจะกวัดแกว่ง "คมดาบแห่งทัณฑ์นภา" ให้แทงทะลุเมือง Okhema ที่อยู่ไกลออกไป ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ Mydei ได้ถ่วงเวลาของ Nikador เอาไว้เพียงลำพัง และให้คนที่เหลือรีบกลับไปยัง Okhema เพื่อหารือถึงวิธีแก้ไขวิกฤติ

Castorice พบว่าร่างอมตะของ Nikador เกิดจากการที่เขาทรยศต่อ "ความตาย" เพื่อเปิดเผยปริศนาที่ถูกกลบฝังไว้ในกาลเวลา พวกเราจึงต้องไปยังวิหารตรัยลิขิตชะตาที่ตั้งอยู่ในห้วงลึก เพื่ออาศัยพลังของ Oronyx มาทำให้เหตุการณ์ในอดีตปรากฏขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ Oronyx กลับไม่ต้อนรับพวกเรา นอกจากจะใช้ปริศนาต่างๆ มาสร้างความลำบากให้พวกเราแล้ว ยังขัดขวางไม่ให้พวกเราเข้าไปในส่วนลึกของวิหารอีกด้วย ปริศนาสุดท้ายของเขาก็คือ การหาสิ่งของที่หนักกว่า "โชคชะตาของโลก" มา ซึ่งพวกเราก็ใช้วิธีแยบยล โดยอาศัยกล้องถ่ายรูปของ March 7th จนผ่านบททดสอบนี้ไปได้

อย่างไรก็ตาม แม้พวกเราจะมาถึงที่พำนักของ Oronyx สำเร็จ แต่ไททันแห่งกาลเวลาตนนี้ก็ปฏิเสธที่จะช่วยเหลืออยู่ดี เพื่อที่จะช่วย Mydei ให้ทันการ Phainon จึงต้องการสังหารไททันตนนี้ และชิงเชื้อไฟมาโดยตรง แต่ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด Oronyx กลับมีท่าทีเปลี่ยนไปเมื่อเห็น ผู้บุกเบิก ฟังจากที่ ผู้บุกเบิก เล่ามา Oronyx เผยให้เธอ/เขาเห็นถึงกลุ่มนักล่า Stellaron... นั่นเป็นความทรงจำที่ไม่น่าจะมีอยู่ แต่มันกลับชัดเจนยิ่งกว่าอะไรดี ในความทรงจำที่ไม่ปรากฏช่วงนี้ ผู้บุกเบิก กลับได้รับการชำเลืองมองจาก Fuli เทพดาราแห่งความทรงจำ บางทีนี่อาจเป็นของขวัญจาก Oronyx ก็ได้ และข้างกายของเธอ/เขา ก็มีสิ่งมีชีวิตน่าอัศจรรย์ที่ชื่อว่า Mem ปรากฏตัวขึ้น แถมเธอ/เขายังดู... เศร้าซึม? ยังดีที่แค่เพียงแป๊บเดียวเธอ/เขาก็กลับมาร่าเริงได้แล้ว

หลังกลับมาจากห้วงลึก พวกเราก็แยกย้ายกันอีกครั้ง ฉันและ Phainon มุ่งหน้าไปช่วย Mydei ที่ต่อสู้เสี่ยงชีวิตมาเป็นเวลานาน ส่วน ผู้บุกเบิก ก็ใช้พลังที่ Oronyx มอบให้ไปรวบรวมชิ้นส่วนความทรงจำ เพื่อหาทางไปยังห้วงอดีตของเมืองปราการ Kremnos และร่วมมือกับ Castorice เพื่อทำลายร่างอมตะของ Nikador ขณะเดียวกัน Aglaea ที่อยู่ในเมือง Okhema ก็เริ่มจัดการกับเรื่องการแทรกซึมของ Nikador

หลังจากรวบรวมชิ้นส่วนความทรงจำได้ครบแล้ว ผู้บุกเบิก ก็เปิดประตูแห่งอดีตของเมืองปราการ Kremnos และไปถึงเมืองปราการ Kremnos ในอดีตได้สำเร็จ เวลานั้นเป็นช่วงเทศกาล Kremnos พอดี Nikador เพิ่งจะเริ่มสูญเสียสติสัมปชัญญะเท่านั้น และเมืองปราการ Kremnos ก็ยังคงเจริญรุ่งเรืองและคึกคักอยู่ เพื่อดำเนินการตามแผนอย่างปลอดภัยที่สุด Castorice และ ผู้บุกเบิก จึงตัดสินใจทำตัวให้กลมกลืนไปกับเทศกาล โดยรวมตัวกับนักสู้ผู้เงียบขรึมคนหนึ่ง ตั้งเป็นกลุ่มสามคน แล้วมุ่งหน้าเข้าไปในเมืองปราการ Kremnos พวกเขาเดินทางต่อไป และระหว่างทางก็รวบรวมข่าวสารไปด้วย โดยสาบานว่า จะรวบรวมจิตวิญญาณเทพทั้งห้าของ Nikador กลับคืนมาให้ได้ เพื่อหยุดยั้งการถือกำเนิดของร่างเทพอันเป็นอมตะ และฟื้นคืนเกียรติยศของไททันแห่งปฏิปักษ์อีกครั้ง คาดไม่ถึงว่า Gnaeus กลับเป็นส่วนหนึ่งของ Nikador ไปซะได้ ตอนนี้พอรู้ว่าคนรุ่นหลังกำลังตกระกำลำบาก เขาจึงยอมผสานตัวเองเข้ากับจิตวิญญาณเทพของ Nikador ที่เสื่อมโทรมมานานอย่างสง่าผ่าเผย เพื่อให้ Nikador กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง เมื่อทำลายร่างอมตะนั้นก็หมายความว่า ไททันผู้แข็งแกร่งกำลังจะปรากฏตัวขึ้น ตรงหน้าพวกเราด้วยเช่นกัน

หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด สงครามกับ "หอกทัณฑ์นภา" Nikador ก็จบลงด้วยชัยชนะของผู้สืบสายโลหิตทอง พวกเรากลับมาที่ Okhema เพื่อพักผ่อน และร่วมเป็นประจักษ์พยานในการส่งคืนเชื้อไฟของ Nikador ซึ่ง Phainon ได้กล่าวลากับพวกเราชั่วคราว เพื่อเข้าสู่วังวนนิรมิตและรับบททดสอบเชื้อไฟของไททันแห่งปฏิปักษ์ เมื่อผ่านบททดสอบ เขาจะได้รับพลังครึ่งเทพ และยังจะแบกรับตำแหน่งเทพของไททันดังกล่าวอีกด้วย หวังว่าการเดินทางในครั้งนี้ของ Phainon จะผ่านไปได้อย่างราบรื่นนะ

...