เสียงกระซิบของ "แพะรับบาปทองคำ"
เสียงสะท้อนโบราณภาษาไททัน ที่ถูกแปลและเกลาสำนวน โดยนักวิชาการนิรนามคนหนึ่ง ซึ่งไม่รู้ว่ามีความถูกต้องมากแค่ไหน และอาจมีการเสริมแต่งเพิ่มเติม เพื่อความสละสลวยอีกมากมาย โดยข้อมูลดังกล่าว ถูกรวบรวมมาจากระบบที่เรียกว่า "แพะรับบาปทองคำ"

(1)

1
มัดก้านยี่หร่าตากแห้งจนแน่น แล้วให้มันดูดซับน้ำมันมะกอก จนได้คบไฟที่เหมาะมือ
งอกเงย เหี่ยวเฉา และแตกหน่ออีกครั้ง เดิมทีไม่เกี่ยวข้องกับโลกอารยธรรม แต่กลับถูกมนุษย์ตั้งชื่อเรียก และแผดเผาให้เป็นเถ้าถ่าน อย่างไม่มีเหตุผล
เหมือนกับแผ่นศิลารำลึกถึงเทพเจ้า (ไททัน) ที่อยู่ในดงวัชพืช
โลกนี้มักจะต้องมีแพะสักตัวเพื่อมารับบาป นักเดินทางคิดเช่นนั้น:
ซึ่งไฟและแสง คือร่างแปลงของบาป

2
เปลวไฟริบหรี่ แสงของมันเปรียบดังเส้นผมยาวของเด็กสาว งดงามราวกับผืนผ้าไหม แต่กลับถูกกำหนดให้ต้องโดนความมืด (เวลา) อันไร้ที่สิ้นสุดกลืนกิน
ผู้คนมักบอกว่า แสงสว่างและความมืดอยู่คู่ขนาน... ดั่งพี่น้องฝาแฝด
แต่แก่นแท้นั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง: ความมืด คือห้วงเวลาอันไร้ขอบเขต งุ่มง่ามและเฉยชา แสงสว่างคือชีวิตที่มีข้อจำกัด เปล่งประกาย และแสนสั้น
เมฆดำนิรนามจะวนเวียนอยู่ตรงมุมของท้องทุ่ง แพะที่ปราดเปรื่อง ก็จะโน้มน้าวตัวเองว่า:
"ถึงอย่างไร ฉันก็ไม่รู้สิ่งใดเกี่ยวกับมีดเชือด"

3
ฟากฟ้าพาดผ่านมหาสมุทร พายุปลุกคลื่นให้โหมซัดชายฝั่ง
เศษหินสีขาวแตกหัก กระจายอยู่บนปะการังดำ ราวกับอาภรณ์ผืนดิน ที่ผุดขึ้นกลางเกลือ นั่นคือการแตกกระจายของคลื่นน้ำ
นักเดินทาง (คนบาป) พาแพะของเขาไปกับคลื่น คลื่นน้ำนั้น ทั้งขาวและสดใหม่ยิ่งกว่าขนแกะ...
และเข้าใกล้ความเงียบงันนิรันดร์ ที่ไร้สุ้มเสียงมากกว่า

4
เก็บขนนกมาหนึ่งเส้น ก็จินตนาการถึงเสียงนกได้แล้ว ดังนั้น ขนนกหนึ่งเส้น ก็คือนกตัวหนึ่งที่ขับขานได้
เก็บชิ้นส่วนเครื่องปั้นดินเผามาหนึ่งชิ้น ก็จินตนาการถึงลักษณะของแจกันดินเผาได้แล้ว ดังนั้น เศษเครื่องปั้นดินเผาหนึ่งชิ้น ก็คือแจกันดินเผาหนึ่งใบ ที่บรรจุหยาดน้ำหวานได้เช่นกัน
เมื่อพบเจอนักเดินทางหนึ่งคน ก็จินตนาการถึงบ้านเกิดของเขาได้แล้ว ดังนั้น นักเดินทางหนึ่งคน ก็คือบ้านเกิดของเขา และสัมผัสถึงคำพูดของสายรุ้งเหนือท้องทุ่งได้
เทพเจ้าต้องการทอดสายตามองโลก เพราะเหตุนั้น จึงได้มีความมืด (แสงสว่าง)