การค้นคว้าน้ำทับทิม
คำเตือน: หากผู้ชื่นชอบน้ำทับทิมอ่านหนังสือเล่มนี้ อาจจะรู้สึกแย่ได้ ดังนั้นโปรดอ่านด้วยความระมัดระวัง

การค้นคว้าน้ำทับทิม

บทนำ
สำหรับเมืองปราการ Kremnos น้ำทับทิมไม่ได้เป็นเพียงเครื่องดื่มเท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมอย่างหนึ่งด้วย งานเขียนชิ้นนี้มีจุดมุ่งหมายในการศึกษาค้นคว้าต้นกำเนิด และการพัฒนาของธรรมเนียมนี้ เพื่อเก็บบันทึกที่สมบูรณ์ไว้ให้คนรุ่นหลัง

I. ย้อนสู่ต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์
[ธรรมเนียมย่ำแย่ในสมัยโบราณ]
ตาม "บันทึกลำดับเหตุการณ์สงคราม" ที่เก็บรักษาไว้ในสภาอาวุโสของเมืองปราการ Kremnos บันทึกไว้ว่า ในช่วงต้นยุคปฏิปักษ์ ผู้ศรัทธาของ Nikador มีธรรมเนียมย่ำแย่อย่างการดื่มเลือดของศัตรูอยู่จริงๆ ในเวลานั้นชาว Kremnos คิดว่า การดื่มเลือดของผู้แข็งแกร่ง จะทำให้ได้รับความห้าวหาญของผู้นั้น แม้ว่าคำกล่าวนี้จะไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ แต่กลับเป็นที่แพร่หลายในกองทัพอย่างยิ่ง

[ปริศนาแห่ง Phagousa]
ในช่วงปีภาสุรคติที่ 2600 ได้เกิดเหตุการณ์สำคัญที่นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมนี้ ตอนนั้นเมืองปราการ Kremnos มีความขัดแย้งกับบรรดาเมืองชายฝั่ง Nikador จึงนำทัพออกไปรบด้วยตัวเอง และยึดเมืองมาครองได้สามเมืองติดต่อกัน หลังสิ้นสุดสงคราม Nikador ได้เสนอข้อเรียกร้องที่โหดร้ายต่อผู้พ่ายศึก โดยให้ส่งมอบเลือดของชาวเมือง มิฉะนั้นจะปล่อยทัณฑ์นภาลงมา
ตาม "บันทึกกระแสสมุทร" ระบุไว้ว่า ในยามวิกฤติ Phagousa ไททันแห่งมหาสมุทรได้ปรากฏตัวออกมาช่วยเหลือ เขาสั่งการให้ผู้ศรัทธาใช้น้ำทับทิมแทนเลือด และมอบพลังศักดิ์สิทธิ์ให้แก่เครื่องดื่มนี้ด้วยตัวเอง Nikador ที่ดื่มมันเข้าไป จับไม่ได้ว่ามันไม่ใช่เลือดจริงๆ ทั้งยังเอ่ยชมรสชาติของมันไม่ขาดปากอีกด้วย

II. ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่าน
[ข้อเสนอการแทนที่]
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในภายหลังเหตุการณ์นี้ได้ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างดุเดือดในสภาอาวุโสขึ้น โดยกลุ่มอนุรักษนิยมมองว่า การละทิ้งธรรมเนียมดื่มเลือดเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนแอ แต่กลุ่มหัวคิดก้าวหน้ากลับชี้ให้เห็นว่า แม้แต่ Nikador ก็ยังยอมรับน้ำทับทิม ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงนี้ย่อมมีความหมายที่ลึกซึ้ง
คำพูดที่นายพล Krasus กล่าวในสภาอาวุโส สามารถสะท้อนความคิดออกมาได้เป็นอย่างดี: "ทุกท่านต่างรู้ดีถึงสติปัญญาของ Nikador และ Phagousa ทับทิมนั้นมีสีสันเหมือนเลือด รสชาติเหมือนเหล็ก นี่ก็คือเครื่องดื่มของนักรบไม่ใช่หรือ? กองทัพของเราดื่มน้ำทับทิมก่อนสู้รบ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ และสืบทอดธรรมเนียมของ Nikador ซึ่งล้วนแล้วก็แต่ครบทั้งสองอย่าง"

[กำหนดกฎเกณฑ์]
ในปีภาสุรคติที่ 2650 สภาอาวุโสได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้ดื่มน้ำทับทิมแทนเลือด พร้อมทั้งกำหนดกฎเกณฑ์และพิธีการที่เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งการกระทำนี้ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งจุดเปลี่ยนสำคัญ ของวัฒนธรรมการหมักและการดื่มของเมืองปราการ Kremnos

III. พัฒนาการของสูตร
[สูตรดั้งเดิม]
สูตรน้ำทับทิมในยุคแรกเริ่มนั้นเรียบง่ายมาก:
ทับทิมคั้นสด
เกลือเล็กน้อย
เก็บไว้ในภาชนะเหล็ก (ทำให้มันมีกลิ่นสนิม)

[สูตรสำหรับกองทัพ]
ฉบับปรับปรุงที่แพร่หลายในกองทัพ:
ทับทิมคั้นสด
ผงขิงสด
เกลือทะเล
กล้วยไม้สกุลหวาย (ว่ากันว่าสูตรนี้ช่วยเพิ่มพละกำลังได้ จึงนิยมดื่มก่อนเคลื่อนทัพ)

[สูตรสำหรับพิธีการ]
ใช้สำหรับพิธีสำคัญ:
ทับทิมป่า (ต้องเก็บมาจากสนามรบ)
น้ำผึ้ง (เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงของขวัญจาก Phagousa)
แช่ในภาชนะศักดิ์สิทธิ์ที่ทำจากเหล็ก
นักบวชร่ายมนตร์
หมายเหตุ: ปัจจุบันสูตรนี้จะใช้ใน "พิธีมอบโล่" และพิธีสำคัญอื่นๆ เท่านั้น

[การถกเถียงเกี่ยวกับสูตรใหม่]
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา กลุ่มคนที่นำโดยนักรบชื่อดังบางท่าน ได้ริเริ่มวิธีการดื่มแบบใหม่ขึ้นมา โดยเติมนมแพะและชีสลงไป ทำให้ของเหลวกลายเป็นสีชมพู ซึ่งฝ่ายอนุรักษนิยมในสภาอาวุโสไม่พอใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่จากการศึกษาค้นคว้าแสดงให้เห็นว่า ในสูตรแรกเริ่มของ Phagousa ก็มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนมอยู่ด้วย บางทีสูตรใหม่ๆ อาจจะใกล้เคียงกับรูปแบบดั้งเดิมมากกว่าก็ได้

IV. ความสำคัญทางพิธี
[พิธีทางทหาร]
1. ก่อนออกรบ: ดื่มพร้อมกันทั้งกองทัพ สื่อถึงความโกรธแค้นศัตรูที่มีร่วมกัน
2. เมื่อรบชนะ: แม่ทัพดื่มก่อน ผู้ใต้บังคับบัญชาค่อยดื่มพร้อมกัน
3. พิธีรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิต: สาดน้ำทับทิมไปที่โล่ เพื่อสื่อถึงการกลับมาของนักรบ

[พิธีสำหรับชาวบ้าน]
1. พิธีบรรลุนิติภาวะ: เด็กหนุ่มสาวดื่มน้ำทับทิมบริสุทธิ์เป็นครั้งแรก
2. พิธีมอบโล่: เมื่อพ่อแม่ต้องแยกจาก จะดื่มพร้อมกับลูกๆ
3. พิธีผูกพันธมิตร: จะร่วมดื่มแก้วเดียวกันเมื่อทำสัญญาเป็นพันธมิตร

V. แถลงการณ์
การเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียมดั้งเดิมเกี่ยวกับน้ำทับทิม แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางอารยธรรมของเมืองปราการ Kremnos จากการสังเวยเลือดอันป่าเถื่อน กลายเป็นพิธีการดื่มที่สง่างาม สื่อให้เห็นถึงการเติบโตของชนชาติหนึ่ง เช่นเดียวกับความชาญฉลาดของ Phagousa ในตอนนั้น บางครั้งการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการหันหลังให้ธรรมเนียมดั้งเดิมเสมอไป แต่อาจเป็นการสืบทอดธรรมเนียมในแบบที่ลึกซึ้งกว่าเดิมก็ได้
แต่สิ่งที่ไม่อาจมองข้ามคือ เหตุผลที่น้ำทับทิมสามารถใช้ดื่มแทนเลือดได้ จุดสำคัญยังคงเป็นเพราะมันรักษาแก่นแท้ของวัฒนธรรมนักรบ... ซึ่งก็คือจิตวิญญาณความกล้าหาญที่ไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ เอาไว้ และนี่ก็คือรากฐานที่เมืองปราการ Kremnos สืบทอดต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน

บทสรุป
ขอให้นักรบที่ดื่มน้ำทับทิมแก้วนี้ จดจำประวัติศาสตร์และเกียรติยศที่แฝงอยู่ในนั้นไว้ตลอดไป ดังเช่นคำที่บรรพบุรุษผู้มากปัญญาได้กล่าวไว้ "แม้น้ำทับทิมจะไม่ใช่เลือด แต่กลับแฝงความหมายที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าเลือดเอาไว้"

ภาคผนวก: ขอขอบคุณหอจดหมายเหตุของเมืองปราการ Kremnos และศูนย์เอกสารประวัติศาสตร์ของสภาอาวุโส ที่ให้การสนับสนุนการวิจัยนี้