เจ็ดเรื่องมหัศจรรย์ของมหาวิทยาลัย Paperfold
บันทึกของนักศึกษาคนหนึ่ง ของมหาวิทยาลัย Paperfold เกี่ยวกับเรื่องน่าเหลือเชื่อมากมายในมหาลัย

เจ็ดเรื่องมหัศจรรย์ของมหาวิทยาลัย Paperfold


1. โกดังเก่า

เวอร์ชันแรก:

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนร่วมห้องของฉัน ได้ยินมาจากรุ่นพี่ที่เรียนจบไปหลายปีแล้ว ว่ากันว่าใต้หอสมุดของมหาวิทยาลัย มีโกดังเก่าที่ถูกทิ้งร้างมานานอยู่แห่งหนึ่ง... มันเป็นโกดังขนาดใหญ่ ที่ใช้สำหรับเก็บอุปกรณ์การเรียนการสอนที่ไม่ใช้แล้ว หนังสือขายดีที่ตกยุค หรือหนังสือนิตยสารเก่าๆ โดยเฉพาะ

เช่นเดียวกับในความเป็นจริงที่ว่า หากหนังสือถูกเก็บรักษาไม่เหมาะสมก็มักจะมีแมลงได้ง่ายๆ และในหนังสือเหล่านั้นก็มี "บางสิ่ง" ถือกำเนิดขึ้นด้วยเช่นกัน อันที่จริงรุ่นพี่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ แต่เธอเดาว่าน่าจะเป็นมอนสเตอร์จำพวก Memory Zone Meme... เอาเป็นว่าในช่วงเวลานั้น พื้นที่ที่หอสมุดตั้งอยู่ ล้วนถูกปิดล้อมไว้และมีพวก Bloodhound เดินเข้าๆ ออกๆ อยู่ทุกวัน แต่... ว่ากันว่าบางคนเข้าไปแล้ว ก็ไม่ได้ออกมาอีกเลย

มีพวกใจกล้าบางคนคิดจะแอบเข้าไป แต่ก็ทำไม่สำเร็จ ต่อมาเมื่อได้พูดคุยกับคนอื่น เขาบอกว่าก่อนที่ตัวเองจะถูก Bloodhound จับได้ เหมือนจะได้ยินเสียงคำรามอันแสนน่ากลัวดังมาจากใต้ดินด้วย

ไม่นานนักหอสมุดก็กลับมาเปิดอีกครั้ง ทุกอย่างดูไม่แตกต่างจากเมื่อก่อนเลย แต่ประตูที่พาไปสู่โกดังได้หายไปแล้ว

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

บางคนบอกว่าที่จริงแล้วใต้หอสมุดมี Memory Zone Meme จากยุควิกฤตซ่อนอยู่ตัวหนึ่ง เนื้อหาของเวอร์ชันนี้ มีที่มาจากโพสต์รวมเรื่องลี้ลับในฟอรั่มของมหาวิทยาลัย ซึ่งมีความเดิมดังนี้:

"มันแตกต่างจาก Meme ทั่วไป หลังจาก Meme ตัวนี้คลุกคลีอยู่กับมนุษย์ นานวันเข้าก็มีรูปลักษณ์และสติปัญญาเหมือนมนุษย์ จนรับมือได้ยากขึ้น สุดท้ายก็ถูกสายตระกูล Bloodhound, สวนประกายความทรงจำ และองค์กรสันติภาพแห่งดวงดาวร่วมมือกันปราบ แล้วขังไว้ใต้หอสมุดได้สำเร็จ"

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

ผู้เขียนพยายามค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเวอร์ชันดัดแปลงเพิ่มเติมแล้ว แต่พบว่ามีข้อมูลน้อยมาก ทว่าในส่วนเนื้อหาที่กล่าวว่า "สร้างมหาวิทยาลัย Paperfold ขึ้น เพื่อใช้จิตใต้สำนึกของนักศึกษาจำนวนมากสะกด Meme ตัวนี้เอาไว้" อาจจะใช้เป็นจุดเชื่อมโยงระหว่างทั้งสองเรื่อง และทำการขุดคุ้ยข้อมูลต่อไป


2. นกในสายหมอก

เวอร์ชันแรก:

เรื่องนั้นเหรอ? ฉันรู้จักนะ มันอยู่แถวๆ น้ำพุทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของสถาบันดนตรีประสาน... ได้ยินว่ามีหลายคนเคยเห็นมันด้วย ซึ่งสถานการณ์ในแต่ละครั้งก็จะคล้ายคลึงกัน นั่นคือทุกคนล้วนเดินอยู่คนเดียว แล้วจู่ๆ ก็มีหมอกปกคลุมจนมองเห็นไม่ชัด ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ไม่ถึงจุดสิ้นสุดสักที ต้องเดินตามเสียงนกร้องที่ดังขึ้นท่ามกลางสายหมอก ไปจนถึงริมน้ำพุเท่านั้น ถึงจะออกมาได้

แต่... ได้ยินว่ามีคนของสถาบันความมั่งคั่ง เคยเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาแล้ว เขาเห็นว่าที่จริงแล้ว คนดวงซวยที่ "หลงทาง" คนนั้นเอาแต่เดินวนเวียนอยู่รอบน้ำพุต่างหาก

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

ส่วนเรื่องเสียงนกร้องในสายหมอกนั่น คำพูดที่ได้รับความนิยมที่สุดในตอนนี้คือ แท้จริงแล้วนั่นคือนักสร้างฝันที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ในระหว่างการก่อสร้างสถาบัน และวิญญาณของเขาก็ได้กลายเป็นนกกระดาษ

แล้วทำไมต้องคอยนำทางคนอื่นด้วย? บางคนบอกว่ามันกำลังปกป้องเหล่านักศึกษาอยู่ และบางคนก็บอกว่ามันโดดเดี่ยวมานาน เลยอยากเล่นซ่อนหากับคนอื่นบ้าง

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

ตัวการ์ตูนซีรีส์ "เจ้าหนูนาฬิกา" มักปรากฏอยู่ในเรื่องลี้ลับท้องถิ่นของ Penacony ซึ่งกลายเป็นที่นิยมหรือถูกปรับปรุงอยู่เสมอ

สำหรับตำนานเรื่อง "นกกระดาษ" นั้น แต่ละช่วงเวลาต่างก็เล่าขานในเวอร์ชันที่แตกต่างกันไป เพราะรายละเอียดของเรื่องราวเหล่านี้ จะได้รับอิทธิพลจากลักษณะเฉพาะทางวัฒนธรรมของพื้นที่นั้นๆ (อย่างเช่น ตัวตนของวิญญาณใน "ช่วงเวลาประกายทอง" มักถูกบรรยายว่าเป็นนักล่าฝัน) แต่โครงสร้างของการเล่าเรื่อง (เช่น การเปลี่ยนมุมมอง) และองค์ประกอบหลักต่างๆ (เช่น หมอก การหลงทาง และเสียงนกร้อง) จะมีรายละเอียดตรงกัน


3. ศาสตราจารย์กลายร่าง

เวอร์ชันแรก:

ที่จริงแล้วฉันไม่เคยเห็นเรื่องนี้กับตาตัวเองมาก่อน แต่พวกเขาเล่าลือกันมาแบบนี้... และฉันคิดว่าถ้ามันเป็นความจริง ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร... คุณรู้จักศาสตราจารย์ของสถาบันความมั่งคั่ง ที่แสนน่ารำคาญคนนั้นใช่มั้ย? คนที่แม้แต่วิชาเลือกก็ยังต้องเช็กชื่อทุกครั้ง แถมยังมีโอกาสสอบตกสูงเป็นพิเศษอีก!

ได้ยินว่าเมื่อสองวันก่อน เขากลายเป็นลูกโป่งไปแล้ว... เหมือนจะเป็นเพราะว่า วันหนึ่งขณะที่กำลังสอนอยู่ จู่ๆ เขาก็ประกาศว่าจะทำการสอบย่อยเดี๋ยวนั้นเลย ถ้าสอบไม่ผ่านตอนปลายเทอมจะถูกหักคะแนน จนมีนักศึกษาคนหนึ่งมีปากเสียงกับเขา แล้วศาสตราจารย์ก็บอกว่า "อยากให้ฉันยกเลิกการสอบย่อย? ได้สิ ถ้าฉันกลายเป็นลูกโป่งตอนนี้เลยล่ะก็นะ"

หลังจากนั้น... ว่ากันว่าลูกโป่งนั่นมีสีแดง ทั้งยังมีลวดลายตัวตลกยิ้มแป้นแบบบิดๆ เบี้ยวๆ ด้วย

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

ในเวอร์ชันอื่นที่ฉันเคยได้ยินมา สาเหตุที่ศาสตราจารย์และนักศึกษาทะเลาะกันนั้น ยังมีเหตุผลอื่นรวมอยู่ด้วย ได้แก่ เรื่องการกลั่นแกล้งนักศึกษาที่เรียนไม่เก่ง การด่าประจานคู่รัก (เข้าใจว่าพวกเขาสร้างความวุ่นวายในห้องเรียน) และการสอนผิดพลาด (แต่ไม่ยอมรับผิดและแก้ไข เพราะกลัวเสียหน้า)

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

ในระหว่างการตรวจสอบ ผู้เขียนสังเกตเห็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่เรื่องหนึ่ง เมื่อเทียบกับเรื่องลี้ลับอื่นๆ แล้ว บรรดาผู้ที่บอกเล่าเรื่องนี้ดูจะ "กระตือรือร้น" กว่าที่ผ่านมานะ

ในระหว่างการเล่าเรื่อง พวกเขาส่วนใหญ่จะแสดงความสบายใจและความพอใจออกมาระดับหนึ่ง (บางครั้งก็ถึงขั้นยินดีปรีดาในความโชคร้ายของผู้อื่นด้วยซ้ำ) ทั้งยังมักจะแสดงสายตาและท่าทางอันลุ่มลึก โดยใช้ "ความตลกขบขัน" มาปิดบังการโจมตี (ศาสตราจารย์บางคนที่ไม่เป็นที่ชื่นชอบ) ของตัวเองด้วย


4. ข้อความสอบตก

เวอร์ชันแรก:

■■■น่าโมโหชะมัด! แม้ฉันจะไม่เชื่อก็เถอะ แต่นี่มันซวยเกินไปแล้ว ใคร■■■ว่างขนาดมาส่งข้อความที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ทุกวันกันเนี่ย! คุณดูสิ! นี่มันใช่เรื่องที่สมควรมั้ย...

"โปรดส่งต่อให้ครบ 20 คนภายใน 3 วัน มิฉะนั้นคุณจะสอบตกวิชาเฉพาะทั้งหมดของเทอมนี้ ถ้าไม่เชื่อ จะลองดูก็ได้นะ~"

ได้ยินว่าคนที่เคยได้รับข้อความนี้มาก่อน ถ้าไม่ส่งข้อความต่อ ก็สอบตกจริงๆ ด้วย... หรือว่ามีศาสตราจารย์บางคนเล่นตลกร้ายอะไรรึเปล่า? ■■ อย่าให้ฉันจับเจ้าบ้านั่นได้เชียว เพราะฉัน■■■จะต่อยจนกว่าเขาจะตื่นเลยล่ะ ฉันพูดจริงนะ!

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

ส่วนต้นตอของข้อความนั้น ตอนนี้มีผู้คนสันนิษฐานกันไว้หลายอย่าง เช่น นักศึกษาที่มีผลการเรียนไม่ดีจนต้องเลื่อนเวลาจบการศึกษาออกไปหลายปี นักศึกษาดีเด่นที่ต้องเสียทุนการศึกษาไป เพราะพวกที่ใช้วิธีสกปรกเบื้องหลัง หรือศาสตราจารย์ชราผู้มืดมนที่เกลียดชังคนหนุ่มสาว

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นคนทำเรื่องแบบนี้ จะต้องเป็นคนวิปริตที่มีจิตใจมืดดำแน่ๆ


5. จุดบรรจบของกาลเวลา

เวอร์ชันแรก:

แต่... ฉันคิดว่า... ฉันแค่คิดเฉยๆ นะ อ่า เรื่องนี้มันฟังดูโรแมนติกดี... อืม... คุณน่าจะเข้าใจนะ มันเป็นความรู้สึกแบบว่า "ข้ามกาลเวลาเพื่อมาพบกันที่นี่"!

เอ่อ... เอาเถอะ เข้าเรื่องดีกว่า คุณรู้ที่ตั้งของโต๊ะเรียนตัวนั้นใช่มั้ย? ใช่แล้วล่ะ มันตั้งอยู่แถวสุดท้าย ริมหน้าต่าง ในห้องทบทวนบทเรียนที่อยู่ท้ายสุดของชั้นสาม เพื่อนของเพื่อนฉันเคยลองทิ้งข้อความไว้บนนั้น ว่ากันว่าวิญญาณที่ตอบกลับเธอ เคยเป็นนักศึกษาของอธิการบดี Glaux มาก่อนล่ะ...

เอ๋? ไม่เลย เธอไม่ได้หายตัวไป และไม่มีพวกคำสาปแปลกประหลาดอะไรด้วย พวกเธอพูดคุยกันสั้นๆ แต่มีความสุขมาก นอกจากจะไม่สามารถพิสูจน์ความจริงของเรื่องนี้ได้แล้ว ทุกอย่างยังดีมากๆ อีกด้วย มันก็เหมือนกับที่ฉันเพิ่งบอกไปเมื่อกี้นั่นแหละว่า นี่ช่างเหมือนกับพล็อตเรื่องที่มีแต่ในนิยาย ไม่ใช่รึไงล่ะ?

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

เวอร์ชันต่างๆ ของเรื่องลี้ลับนี้ หลักๆ แล้วจะแตกต่างกันที่ "ความอันตราย" ของมัน ในตอนเริ่มแรก วิญญาณจะปรากฏตัวในรูปลักษณ์ที่ไร้พิษภัย แต่เมื่อผ่านไปเรื่อยๆ เวอร์ชันที่มีองค์ประกอบของความสยองขวัญ อย่างเช่น "คำสาป", "สิ่งแลกเปลี่ยน" หรือ "การหายตัวไป" ก็ค่อยๆ ถูกเล่าลือกันปากต่อปาก

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

ในขณะที่เรื่องลี้ลับบางเรื่องถูกเล่าลือออกไป ผู้คนมักจะเพิ่ม "รายละเอียด" บางอย่างเข้าไป เพื่อรักษาความมีชีวิตชีวาของเรื่องราวเอาไว้ ยกตัวอย่างเช่นเรื่องลี้ลับนี้ เมื่อเปรียบเทียบเวอร์ชันแรกสุดกับเวอร์ชันหลังๆ ที่ถูกดัดแปลงไป จะมีความแตกต่างในเรื่องการพูดคุยกัน และขอบเขตของการเล่าลืออย่างเห็นได้ชัด

และวิธีการที่พบเห็นได้บ่อยๆ ยังรวมถึง การทำให้เรื่องลี้ลับมีโครงสร้างการเล่าเรื่องที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น (เช่น การผูกปมและการนำกลับมาใช้ใหม่) สถานการณ์ที่มีความเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น (เช่น การบรรยายถึงเหยื่อและผู้ช่วยเหลือให้ละเอียดมากขึ้น) และมีการผสมผสานเข้ากับประเพณีท้องถิ่น และประสบการณ์ส่วนตัวอย่างแน่นแฟ้น (ทำให้เป้าหมายที่กำหนดไว้รู้สึกเข้าอกเข้าใจได้ง่ายขึ้น) เป็นต้น


6. ร่มไม้

เวอร์ชันแรก:

เรื่องนี้ฉันก็ฟังคนอื่นเล่ามาอีกทีเหมือนกัน... แต่หลังจากได้ฟังแล้ว ฉันก็ไม่เคยไปที่สวนดอกไม้ของสถาบันเราอีกเลย

ที่มุมตะวันออกเฉียงเหนือของสวนดอกไม้ มีต้นไทรขนาดใหญ่มากอยู่ต้นหนึ่ง คุณคงรู้ใช่มั้ย? ว่ากันว่าเดิมทีคู่รักคู่นั้นแอบนัดพบกันที่ใต้ต้นไม้ ตอนนั้นบรรยากาศกำลังเป็นใจ แต่ทันใดนั้น ใบไม้ที่อยู่เหนือศีรษะก็เริ่มส่งเสียงแซ่กๆ ไม่หยุด ทั้งยังได้ยินเสียงพ่นลมหายใจฟืดฟาดดังแว่วมา ราวกับมีแมวหรือสัตว์ตัวเล็กๆ กำลังทะเลาะกันอยู่บนต้นไม้

คู่รักถูกเสียงดังรบกวนจนหมดสนุก จึงพากันกลับไป วันต่อมาพวกเขาถึงรู้ว่า มีคนผูกคอบนต้นไม้ที่พวกเขานัดพบกัน ว่ากันว่าเพราะเหตุผลบางอย่าง ทำให้คนที่น่าสงสารคนนั้นไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ทันเวลา และหลังจากผ่าน "ความตาย" อันแสนยาวนานมา จึงส่งผลให้จิตใจของเขาแตกสลาย

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

เมื่อเรื่องลี้ลับนี้ถูกแพร่ออกไป โดยพื้นฐานแล้วยังคงรักษาสไตล์ดั้งเดิมของเรื่องราวเอาไว้ และเพิ่มเพียงรายละเอียดในระดับที่แตกต่างกันเท่านั้น ตัวอย่างเช่น บางเวอร์ชันก็เพิ่มรายละเอียดการทะเลาะกันของคู่รัก หลังจากที่ถูกรบกวน และบางเวอร์ชันก็บรรยายปฏิกิริยาหลังจากที่พวกเขารู้ความจริงอย่างละเอียด

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

เมื่อเทียบกับเรื่อง "จุดบรรจบของกาลเวลา" แล้ว ตอนต้นของเรื่องลี้ลับนี้มีโครงสร้างของเรื่องที่ค่อนข้างสมบูรณ์ และมีความน่าตื่นเต้นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คน ด้วยเหตุนี้ในส่วนของการดำเนินเรื่องหลังจากนั้น ผู้คนจึงเลือกที่จะเพิ่ม "ความสมบูรณ์" ให้กับเนื้อเรื่อง มากกว่าที่จะ "แก้ไข" มัน

สำหรับข้อสงสัยที่ค้างคามาตั้งแต่ต้นจนจบของเรื่องนี้ "ทำไมผู้ที่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรงในความฝัน ถึงไม่สามารถตื่นขึ้นมาในทันทีได้" คำถามที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของระบบเข้าสู่ความฝันแบบนี้... กล่าวได้แค่ว่า ในขณะที่ผู้คนรู้สึกพึงพอใจที่ได้สนองความหวาดกลัว และความอยากรู้อยากเห็นของตัวเอง ก็มักจะเผลอมองข้ามความไม่สมเหตุสมผลของตรรกะไป


7. จบการศึกษาช้า

เวอร์ชันแรก:

จะบอกให้นะ เขาเรียนการเงินล่ะ! คนนั้นเขาเป็นรุ่นพี่ฉันสองปี ปกติจะเป็นคนเงียบๆ ไม่มีเพื่อน และไม่เคยเป็นที่สนใจของใคร

ต่อมา... เหมือนจะได้ยินว่าเป็นเพราะปัญหาเรื่องผลการเรียน ทำให้เรียนจบช้า และเนื่องจากความกดดันที่มากเกินไป ทำให้สมองไม่ค่อยปกติ และเริ่มคิดหาทางจบชีวิตด้วยวิธีการต่างๆ อยู่บ่อยครั้ง ใช่แล้ว ฉันหมายความตามตัวอักษรเลย กระโดดอาคารเรียนเอย จมสระว่ายน้ำเอย จบชีวิตบนต้นไทรเอย... แม้ส่วนใหญ่จะถูกขัดขวางไว้ได้ทันเวลาก็เถอะ แต่ในเวลานั้น เขาถือเป็นปรากฏการณ์อันน่าอัศจรรย์ของโรงเรียนเลยล่ะ

แล้วยังไงต่อ? หลังจากนั้นฉันก็ไม่รู้แล้วว่าเป็นยังไงต่อ บางคนบอกว่าเขาหาทางจบชีวิตในความฝันจนชินแล้ว แต่หลังจากกลับไปยังโลกความจริง ดันแยกแยะไม่ได้ จนทำให้ตัวเองเสียชีวิตไปจริงๆ

แล้วเทอมนี้ฉันก็ไม่เจอเขาอีกเลย

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

เมื่อตรวจสอบสถิติจึงพบว่า สถาบันต่างๆ ของมหาวิทยาลัย Paperfold ต่างก็มีเรื่องลี้ลับทำนองนี้กันทั้งนั้น และสาเหตุที่ทำให้ตัวเอกรู้สึกท้อแท้ ได้แก่ ความรู้สึกล้มเหลว ครอบครัวแตกแยก โดนรังแกในมหาลัย ถูกอาจารย์บีบคั้น หรือปัจจัยส่วนตัวอื่นๆ และเรื่องราวส่วนใหญ่มักจบลงที่ตัวเอกเสียชีวิต (เพราะแยกแยะความจริงและความฝันไม่ออก)

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

เรื่องลี้ลับนี้นำไปใช้เตือนสติได้ดีมาก ในส่วนของความท้อแท้ มันสะท้อนให้เห็นถึงสภาพความกดดันและความกังวล ที่เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในหมู่นักศึกษา ส่วนตอนจบของเรื่องนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความกังวลใจต่อความปลอดภัย ในการเข้าสู่ความฝันของผู้คน


8. เจ้าจ๋อบานาน่าขี้เซา

เวอร์ชันแรก:

[กำลังตรวจสอบ]

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

[กำลังตรวจสอบ]

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

*จู่ๆ "เจ้าจ๋อบานาน่าขี้เซา" ที่เคยเป็นที่นิยมเมื่อไม่นานนี้ก็เงียบหายไปเลย และท่าทีของทุกคนก็ดู "เป็นปกติ" เกินไป มันน่าสงสัยมากๆ


9. สถานีวิทยุหมึกขึ้นสนิม

เวอร์ชันแรก:

[กำลังตรวจสอบ]

เวอร์ชันดัดแปลงตามกระแส:

[กำลังตรวจสอบ]

ความคิดเห็นของผู้เขียน:

* สถานีวิทยุกระจายเสียงนั่นต้องมีเรื่องแปลกๆ แน่นอน แม้จะไม่มีคนเชื่อก็ไม่เป็นไร ยังไงฉันก็จะตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน!