ประวัติศาสตร์การพัฒนาภาพยนตร์: ฟองแห่งความฝัน (บทคัดสรร)

ประวัติศาสตร์การพัฒนาภาพยนตร์: ฟองแห่งความฝัน (บทคัดสรร)

ถ้าเปรียบจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์ ให้เป็นปมของการบันทึกเรื่องราวแล้ว ในตัวของ Grady ย่อมมีปมที่ถูกผูกไว้สองปมอย่างไม่ต้องสงสัย ปมแรกคือการคิดค้นเทคโนโลยีการถ่ายทำฟองแห่งความฝัน ปมที่สองคือ การฉีกสิทธิบัตรภาพยนตร์ฟองแห่งความฝัน แล้วทำไมเขาถึงยอมทิ้งลิขสิทธิ์ ที่สร้างผลประโยชน์มหาศาลด้วยล่ะ? Grady กลับไม่ได้ให้คำตอบในเรื่องนี้

ผู้คนในยุคนั้นต่างชื่นชมในความไม่เห็นแก่ตัวของ Grady แต่เสียงชื่นชมก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ Grady ตามจำนวนภาพยนตร์แย่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และด้านล่างนี้ คือบันทึกการสัมภาษณ์ในเวลานั้น

นักข่าว: เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมากจริงๆ คุณคิดยังไงถึงได้ตัดสินใจสละสิทธิบัตรล่ะ?

Grady: นานมาแล้วที่สิทธิบัตรของภาพยนตร์ฟองแห่งความฝัน ได้สร้างข้อจำกัดมากมาย ต่อการสร้างภาพยนตร์และละครทีวีของ Penacony ผู้สร้างเก่งๆ หลายคน ถูกมันบีบให้ต้องละทิ้งความฝัน เมื่อผู้คนเริ่มตระหนักถึงเรื่องลิขสิทธิ์มากขึ้น พวกนักเลงลิขสิทธิ์ที่ปรากฏตัวขึ้นมากมาย ก็ได้ทำให้สภาพแวดล้อมในการสร้างสรรค์ผลงาน วุ่นวายกันไปหมด ผมเป็นผู้กำกับหนังสยองขวัญ แต่สิ่งที่ผมอยากได้ยิน คือเสียงหัวเราะของผู้ชมหลังจากโดนจัมป์สแกร์ ไม่ใช่โศกนาฏกรรม ที่เกิดจากลิขสิทธิ์ทั้งหลายนั่นสักหน่อย

นักข่าว: นอกจากนี้มีหลายคนคิดว่า เป็นเพราะข่าวการเสียชีวิตของ ███ จึงทำให้คุณตัดสินใจฉีกสิทธิบัตรเพื่อเป็นการระลึกถึงเธอ และเป็นของขวัญให้แก่ Himemia Films ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ด้วย คุณมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้?

Grady: การเสียชีวิตของ ███ เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่ง ในขณะที่แทบทุกคนทอดทิ้งเธอ แต่เธอกลับยังคงร้องเพลงเพื่อคนอ่อนแอเหล่านั้น จนกระทั่งเสียชีวิตในระหว่างเดินทางไปทำการแสดงการกุศลเพื่อพวกเขา ดังนั้นพวกเราทุกคนควรรับผิดชอบต่อเรื่องนี้

นักข่าว: คุณกำลังพาดพิงถึงการกระทำของสายตระกูล Alfalfa และคุณ Oti อยู่รึเปล่า?

Grady: เปล่าสักหน่อย จะเป็นแบบนั้นได้ยังไง? Alfalfa คือนางฟ้านักลงทุนของวงการบันเทิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ศิลปินมากมายจากสายตระกูล Iris ก็โด่งดังเป็นพลุแตกด้วยเงินสนับสนุนจากพวกเขาทั้งนั้น คุณ Oti คือพาร์ตเนอร์ที่หาได้ยากยิ่งของ Grady Films เราเชื่อว่าในอนาคตจะได้ร่วมงานกันมากขึ้น และลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิมด้วย