การแสดงกลองของมนุษย์จิ้งจอก "ลำนำหกพี่น้อง"
บทร้องประกอบการแสดงกลอง ของมนุษย์จิ้งจอก ที่เล่าถึงตำนานโบราณของมนุษย์จิ้งจอก

การแสดงกลองของมนุษย์จิ้งจอก "ลำนำหกพี่น้อง"

...
ใต้แสงดาวทอประกายทั่วจักรวาล มีสถานที่งดงามแห่งหนึ่งนามว่าดินแดนที่เขียวชอุ่ม
พืชพันธุ์อุดมตลอดสี่ฤดู ทิวทัศน์งามหรูเหนือแดนมนุษย์
มิคาดกองทหารหมาป่า Borisin กลับบุกโจมตี หมายยึดครองดินแดนอันเขียวชอุ่มแห่งนี้
ทั่วทุกหนแห่งโกลาหลและนองเลือด เหล่ามนุษย์จิ้งจอกสูญเสียบ้านเกิดไป
ลมพัดโพยโชยหวิว พิรุณปลิดปลิวทั่วผืนฟ้า เสียงคร่ำครวญระงมดังไปทั้งบ้านเกิดเมืองนอน
พวกเขาทอดถอนใจด้วยความโศกเศร้า และตั้งจิตอธิษฐานเอากับฟากฟ้า

เหล่ามนุษย์จิ้งจอกหลบลี้หนีภัยสงคราม พี่น้องหกนามระหกระเหินไปตามป่าเขา
หากแต่ไร้อาภรณ์และอาหาร จนพาลต้องเจ็บไข้ได้ป่วย โชคชะตามิช่วย ช่างลำบากยากเข็ญนัก
ความเศร้าโศกโหมซัดจนยากจะขจัด จึงหลั่งน้ำตาร่ำไห้ สะเทือนไปทั่วทั้งภูผาและธารา

เสียงร่ำไห้ดังก้องไปถึงเก้าชั้นฟ้า เมื่อเทพเทวาได้ยินจึงลงมาเยือน
เหล่าพี่น้องเอ่ยถามชื่อเสียงเรียงนามของเทพเจ้า ท่านเทพผู้ถือไม้เท้าจึงเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริง
เราคือเจ้าแห่งอายุวัฒนะ ขอถามทั้งหกคนว่า เหตุใดจึงทอดถอนใจอย่างโศกเศร้าเช่นนี้

พี่คนโตร่ำไห้เพราะกลัวว่า คมดาบจะทิ่มแทงกายา
คนรองสะอื้นไห้ กล่าวไปว่าขาดแคลนยารักษา จนความป่วยไข้รุมเร้าให้ทรมานกายา
คนที่สามหวาดหวั่นขวัญผวา กลัวเกรงโจรต่ำช้าที่แสนเหี้ยมโหด
คนที่สี่อ่อนแอไร้กำลัง สถานการณ์ลำพังก็วุ่นวาย จึงยากจะหาแหล่งลงหลักปักฐานได้
คนที่ห้าสูญเสียญาติมิตร ผู้รอดชีวิตอย่างเขาจึงเศร้าใจเหลือแสน
คนที่หกหวังจะหยุดไฟสงคราม และอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข

เจ้าแห่งอายุวัฒนะผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา รับฟังทั้งหกคนพร่ำพรรณนา
เมื่อพวกเขาพูดจบก็พากันร่ำไห้ไม่หยุด หวังให้เทพเจ้าช่วยให้หลุดพ้นจากความทุกข์
หากไร้ซึ่งสงคราม เมื่อเจ็บป่วยก็ได้รักษา ทั้งไม่ต้องกลัวโจรต่ำช้า และได้ใช้ชีวาอย่างสงบสุข
การเดินทางย่ิมราบรื่น มิต้องขื่นขมทรมาน ไม่ต้องหวาดหวั่น และมีจิตใจที่สงบสุข

พี่คนโตจะฟื้นฟูกายาและรักษาตัวได้
คนรองจะไร้โรคภัยมากล้ำกราย
คนที่สามจะกล้าหาญ ไร้ซึ่งความหวาดหวั่น
คนที่สี่จะได้ปีกหนึ่งคู่ แทนการย่างก้าวด้วยเท้าเปล่า
คนที่ห้าจะไม่ทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ
แต่มีเพียงคนที่หกเท่านั้น ที่ไม่ได้รับพรวิเศษใดๆ
เจ้าแห่งอายุวัฒนะสะบัดแขนเสื้อ ประทานพรวิเศษแก่พวกเขา
พี่น้องทั้งห้าล้วนได้รับพร มีเพียงคนที่หกที่ไม่ได้สิ่งใดเลย
ไม่ใช่ว่าเทพเจ้าจะไม่ประทานพรแก่เขา เพียงแต่ต้องรอโอกาส
เมื่อกองทัพมาเยือน พี่น้องมนุษย์จิ้งจอกทั้งห้าต่างแสดงพลังวิเศษ
และอาศัยพลังอันน่าอัศจรรย์ต่างๆ เพื่อเอาชนะและกำจัดศัตรูได้ในที่สุด

...

พี่น้องทั้งห้ากำจัดโจรร้าย จนหวาดกลัวและไม่กล้ามารุกราน
แต่นึกไม่ถึงว่าจู่ๆ จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝัน ดันเกิดภัยพิบัติขึ้นท่ามกลางชัยชนะของพวกเขา

บาดแผลของพี่คนโตเน่าเปื่อยครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกที่คนที่สองย่างก้าวไปล้วนเกิดโรคร้าย
คนที่สามในใจเกียดความเคียดแค้น คนที่สี่ขนปีกร่างกราวดั่งใบไม้
คนที่ห้าไร้สติดั่งวิญญาณหลุดลอย มีเพียงคนที่หกที่ปราศจากอาการผิดปกติใดๆ
ทั้งห้าคนล้วนมีอาการ Mara-Struck ส่วนคนที่หกบุกไปยังค่าย Borisin เพียงลำพัง
เมื่อคิดว่าหมดหวังที่จะยุติสงครามได้ เขาก็อยากร่ำไห้ด้วยความเสียใจ แต่กลับไร้น้ำตา จึงทำได้เพียงร้องขอให้ม้วยมรณา เพื่อยุติชีวิตที่แสนลำเข็ญนี้

ผู้บัญชาการรบฟังจบก็แอบยิ้ม แล้วโบกมือเป็นสัญญาณให้กองทหาร
คนที่หกถูกปล่อยตัวให้นั่งลง ผู้บัญชาการรบผู้นี้มีหลายอย่างที่จะกล่าว
พวกเจ้าได้รับพรจากความเมตตา และใช้ชีวิตที่ยืนยาวร่วมกับชาว Borisin นับล้าน
ตัวเจ้ามิได้ต่างจากชาว Borisin หากไม่เชื่อก็ลองส่องกระจกดูเสียสิ
คนที่หกได้ยินดังนั้น พลันตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เพราะคนในกระจก กลับมีหูยาวราวสุนัข ทั้งยังโหดเหี้ยมดุดันไร้ปรานี

โอ้... ช่างน่าเศร้าเสียจริง

เดิมทีพี่น้องทั้งหกยินดีรับพร เพื่อหลีกหนีจากภัยสงครามที่ราวกับความฝัน
แต่หลังจากได้รับพรจากเจ้าแห่งความเป็นอมตะ พวกเขากลับถูกโรคารุมเร้า จนสุดท้ายก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

การปรองดองกับสิ่งชั่วร้ายจากความเฟื่องฟู เพียงคิดก็รู้ว่ายากจะเป็นจริง
มีเพียงต้องกำจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายให้หมดไป บ้านเมืองถึงจะสงบสุขได้