ไดอารี่แลกเปลี่ยนของนักบิน
บันทึกแลกเปลี่ยนระหว่างนักบินคู่หู ที่ครอบคลุมช่วงเวลาอันแสนยาวนาน

ไดอารี่แลกเปลี่ยนของ Yukong

...

Caiyi พวกเราสองคนจะได้เป็นคู่หูกันแล้ว!

ถึงจะบอกว่าเรารู้จักกันมานานแล้ว แต่ตอนแรกๆ ที่เราขับ Starskiff แข่งกันอย่างผิดกฎหมายในเมือง เรายังเป็นคู่แข่งกันอยู่เลย! ทว่าตอนนี้พวกเรากลับต้องมานั่งทำงานด้วยกัน ร่วมเป็นร่วมตายไปด้วยกัน และต้องระวังหลังให้กันและกัน ฉันรู้สึกไม่ชินเอาซะเลย

ฉันไม่ชินกับการต้องมาลงเรือลำเดียว กับคนที่แพ้ให้ฉันตอนแข่ง Starskiff อยู่แล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ คำสั่งทหารเป็นสิ่งสำคัญดุจขุนเขานี่นา ฮิๆ

ไม่เล่นแล้วๆ เอาเป็นว่าฉันตั้งตารอที่จะได้บินด้วยกันกับเธออยู่นะ

ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับภารกิจให้ไปรบ และไม่รู้ว่าเธอจะมีความเห็นยังไงด้วย แต่ฉันคิดว่า พวกเราสองคนมีความสามารถพร้อมสรรพ แต่กลับไม่อาจไปรบสังหารศัตรูได้ นี่มันช่างน่าอึดอัดซะจริง

สาวกแห่งความเฟื่องฟูพวกนั้นชอบมาก่อกวนที่ชายแดนเป็นพักๆ บางครั้งก็ได้ยินข่าวว่าพวกเขาทำลายดวงดาวที่เคราะห์ร้ายอีกแล้วด้วย พอฉันได้ยินข่าวแบบนี้ ก็จะรู้สึกโกรธแต่หาที่ระบายไม่ได้ทุกทีเลย... แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วล่ะ รอให้ผ่านไปอีกสักพัก พวกเราก็จะได้ขับเรือรบไปสร้างสีสันให้พวกมันเห็นแล้ว

แต่พูดตรงๆ เลยนะว่าฉันพอใจกับปัจจุบันมาก เพราะถึงยังไง... ถ้าให้พูดกันแบบส่วนตัวแล้ว สิ่งที่ดึงดูดฉันอย่างแท้จริงไม่ใช่ชื่อเสียงอันยิ่งใหญ่ ที่ได้จากการกวาดล้างปีศาจร้ายพวกนั้นหรอก สิ่งที่ดึงดูดฉันได้จริงๆ มีแค่การบินเท่านั้น

เธอดูสิ การบินอยู่ในจักรวาลนอกแดนสนธยาน่ะ มันแตกต่างกับการแข่งบิน Starskiff ที่ฉันคุ้นเคยเลยนะ... ในจักรวาลไม่มีอะไรยึดเราไว้เลย ถึงขั้นไม่มีบนล่างด้วยซ้ำ เรือรบแค่ลอยอยู่กลางอวกาศอย่างโดดเดี่ยว เหมือนกับเรือที่ลอยอยู่กลางมหาสมุทรยามค่ำคืน ซึ่งเราทำได้เพียงเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง และเรือรบที่ตนขับขี่อยู่เท่านั้น

ได้ยินคนบอกว่าความรู้สึกแบบนี้เรียกว่า "ความโดดเดี่ยว" แต่ฉันกลับอยากเรียกมันว่า "อิสระ" มากกว่า

ดังนั้นสำหรับฉันแล้ว การได้โบยบินอยู่กลางจักรวาลจึงเป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจสุดๆ แต่ถ้าได้เพลิดเพลินไปกับ "อิสระ" ที่แสนงดงามนี้ด้วยกันกับเธอ นั่นก็ยิ่งดีเข้าไปใหญ่เลยล่ะ

...

Caiyi ฉันไม่รู้ว่าควรจะพูดปลอบใจเธอยังไงดีเลย เธอน่ะชอบเป็นอย่างนี้อยู่เรื่อย ไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายๆ อะไรมา ก็จะทำเป็นเข้มแข็งเหมือนว่าไม่ต้องการให้ใครมาสนใจ แล้วก็ชอบพูดติดตลกไม่ดูเวล่ำเวลาบ่อยๆ

แต่พวกเราอยู่ด้วยกันมาร้อยกว่าปีจนใจสื่อถึงกันนานแล้วนะ เธอเคยพูดว่า ถ้ามีเรื่องอะไรที่ทำให้ฉันไม่มีความสุข เธอก็จะไม่เป็นสุขไปด้วย อันที่จริงแล้วฉันก็เป็นเหมือนกันนั่นแหละ

ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า มีคนพยายามใช้มีดทื่อๆ สนิมเขรอะมาคว้านหัวใจฉันออกไปเลย ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่า เธอกำลังแบกรับความเจ็บปวดที่หนักหนาสาหัสขนาดไหนอยู่

พูดไปก็ตลก ฉันเหมือนจะไม่เคยทำตัวดีๆ กับ Guangyuan เลยแฮะ ทุกครั้งที่เธอทิ้งฉันแล้วไปทำภารกิจกับเขา ฉันก็จะรู้สึกไม่สบอารมณ์ตลอด โดยเฉพาะตอนที่เห็นพวกเธอจีบกันและทำตัวติดกันเป็นตังเม มันเลี่ยนซะจนเหมือนกับหมูผัดซอสที่มีแต่เนื้อมันๆ ทั้งจานอย่างนั้นเลย ฉันเลยอดไม่ได้ที่จะทำหน้าเย็นชาและมองเหยียดเขาบ่อยๆ

แต่ Guangyuan เป็นคนดีจริงๆ นั่นแหละ ฉันทำตัวเสียมารยาทกับเขาแบบนั้น แต่เขาก็ยังใจดีกับฉันเสมอ พอมานึกย้อนเอาตอนนี้ ฉันก็รู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเอาซะเลย

เฮ้อ... เขาสุดยอดจริงๆ มีอยู่แค่สองคนก็ยังรั้งเรือข้าศึกหลายสิบลำเอาไว้ได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มีแค่ความกล้าและสติก็จะทำได้สำเร็จหรอกนะ จะต้องมีทักษะชั้นยอด และความสามารถที่เหนือล้ำด้วย

ฉันนึกภาพในช่วงสุดท้ายออกเลยว่า หน้าหล่อๆ ที่ชวนให้ไม่สบอารมณ์ของเขา จะแสดงความเด็ดเดี่ยวและความมุ่งมั่นแบบไหนออกมา ฉันเดาได้เลยว่า นั่นคงเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอตกหลุมรักเขาล่ะสิ

และฉันก็จินตนาการได้เลยว่า ในช่วงเวลาสุดท้ายนั้น เขารู้สึกภูมิใจมากแค่ไหน ตอนนั้นเขาจะต้องไร้ซึ่งความกลัวและความสิ้นหวังแน่นอน สิ่งเดียวที่มีคือความภาคภูมิใจเท่านั้น

ดังนั้นเธอก็ไม่ควรเสียใจไปนะ เธอควรจะภูมิใจในตัวเขา พวกเราต่างก็ควรจะรู้สึกอย่างนั้น

...

Caiyi ช่วงนี้ในใจฉันมีแต่ความรู้สึกแย่ๆ เต็มไปหมด แต่ฉันไม่สามารถเอาไปบอกทหารในแนวหน้าคนอื่นๆ ได้ ในเมื่อตอนนี้เธอกำลังพักฟื้นอยู่ที่แนวหลัง งั้นฉันก็ขอระบายให้ฟังหน่อยแล้วกัน

ถึงแม้การที่เพิ่งจะมาพูดเอาตอนนี้ มันอาจจะดูช้าไปสักหน่อย... แต่ความจริงแล้วเมื่อเร็วๆ นี้ ฉันเพิ่งจะตระหนักได้ว่า... ที่แท้ฉันก็อยู่ในสงครามที่โหดร้ายแบบนี้นี่เอง

การรบทางอากาศแตกต่างจากการรบภาคพื้นดิน ถึงแม้จะเป็นช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายเหมือนกัน แต่บนอากาศนั้นยากจะได้เห็นสภาพที่บาดเจ็บแขนขาหัก ดังนั้นสัญชาตญาณของฉัน ก็เลยประเมินความโหดร้ายของสงครามครั้งนี้ผิดไป จนกระทั่งเมื่อเร็วๆ นี้ที่สถานการณ์การรบเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ความจริงที่แดงฉานไปด้วยเลือด ก็ได้แสดงอยู่ตรงหน้าฉันด้วยวิธีการที่นุ่มนวลจนปฏิเสธไม่ได้

คนที่นั่งกินข้าวด้วยกันในวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว ทหารใหม่ที่เพิ่งได้รับคำชมในวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว หัวหน้าที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกับฉันในวันนี้ พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว หน่วยรบภาคพื้นดินที่ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน พรุ่งนี้ก็อาจจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว

เมื่อมาถึงขั้นนี้ ฉันก็เริ่มไม่กล้าผูกสัมพันธ์ทางความรู้สึกกับใครอีกแล้ว บางทีพรุ่งนี้คนคนนั้นอาจจะตายก็ได้ หรือไม่คนที่ตายในวันพรุ่งนี้อาจเป็นฉัน หรือบางทีพรุ่งนี้พวกเราอาจจะตายกันหมด

ฉันคิดว่าพอมีประสบการณ์เยอะแล้วจะรู้สึกชินชา ที่ไหนได้ ฉันก็ยังยากจะรับมือกับข่าวร้ายที่ได้รับในทุกๆ วันอยู่ดี

แต่ฉันไม่เสียใจหรอกนะ ทุกครั้งที่ฉันรู้สึกเจ็บปวด ฉันก็จะรู้สึกขึ้นมาได้พร้อมกันว่า การเป็นนักบินรบคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดในชีวิตของฉัน

ถ้าฉันไม่ใช่นักบินรบ ฉันก็คงได้แต่ทนรับความเจ็บปวดอยู่เงียบๆ แต่ฉันเป็นนักบินรบ ฉันบินได้ ฉันรบได้ ฉันสามารถไปทำลายที่มาของความเจ็บปวดได้ เพราะฉันคือนักบินรบ ดังนั้นฉันยังมีเรื่องที่สามารถทำได้ และเรื่องที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ด้วยเช่นกัน

ปล. อย่าใช้ชื่อที่ Guangyuan ตั้งนะ มันไม่เพราะเลยสักนิด! ชื่อน่ะเป็นเรื่องใหญ่ที่จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต! มาใช้ชื่อที่ฉันคิดไว้เถอะ ฉันอุตส่าห์พลิกหาในหนังสือรวมบทกวีอยู่ตั้งหลายวันเลยนะกว่าเลือกได้

...

Caiyi ฉันมีเรื่องอยากพูดกับเธอเยอะแยะไปหมดเลย เยอะมากๆ

หลังจากเธอเสียไป พวกเขาก็จะมอบเหรียญเกียรติยศให้ฉัน แต่พูดตามตรงนะ ฉันว่าเรื่องนี้มันน่าตลกมากเลยล่ะ

ปกติแล้ว ไม่มีใครเขาให้เหรียญเกียรติยศกับผู้ที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติ เพื่อสรรเสริญที่คนคนนั้นโชคดีมีชีวิตรอดมาได้หรอก แต่ที่ Sky-Faring Commission เขาทำกันล่ะ พวกเขาให้เหรียญเกียรติยศกับฉัน แล้วบอกว่าฉันคือฮีโร่ยอดนักบิน ซึ่งมีเหตุผลเดียวก็คือ ฉันโชคดีพอที่จะรอดชีวิตมาจากสงครามที่รุนแรงราวกับภัยพิบัตินั่นได้

ถ้าเธอก็โชคดีแบบนี้เหมือนกัน ตอนนี้พวกเราก็คงได้รับเหรียญด้วยกันแล้ว และพอจบพิธีรับรางวัล พวกเราสองคนก็จะไปที่ตรอก Aurum และดื่มกันสองคน พลางหัวเราะเยาะให้กับความตลกของพวกเขาไปด้วยแน่นอน

น่าเสียดายที่เธอโชคไม่ดีพอ พวกเราเลยไม่มีโอกาสนั้น

จู่ๆ ฉันก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาเลยแฮะ คิดถึงช่วงเวลาดีๆ ที่พวกเราขับ Starskiff ผ่านท้องฟ้าเหนือ Luofu แข่งกัน ตอนนั้นพวกเรามีความสุขมาก แถมยังไม่มีภัยคุกคามต่อความเป็นความตาย และไม่ต้องแบกรับภารกิจของการล่าสังหารด้วย ท้องฟ้าทั้งผืนที่อยู่ในแดนสนธยา ล้วนเป็นของพวกเรา มีแค่เธอกับฉัน เงยหน้ามองไปก็คือโดมของแดนสนธยาอันระยิบระยับ ก้มหน้าลงมาก็คือแสงโคมจากบ้านเรือนหลายหมื่นหลัง เมื่อหันกลับไปมองก็จะเห็นเจ้าหน้าที่ของ Realm-Keeping Commission ที่ไล่ตามมาไม่ลดละ

ตอนนั้นพวกเรามีความสุขสุดๆ ฉันอยากจะอยู่ในช่วงเวลานั้นด้วยกันกับเธอ ตลอดไป

...