บันทึกของนักภาชนะจิต (บางส่วน)
บันทึกของนักภาชนะจิตคนหนึ่ง เขาจดความรู้สึกนึกคิดในแต่ละวัน ไว้ในรูปแบบบทกวีสั้นๆ สะเปะสะปะ

บันทึกของนักภาชนะจิต (บางส่วน)

(...)

เราร่วมร้องเพลงกับเพื่อนฝูงในความฝัน แต่เมื่อพลันตื่นขึ้นในยามฟ้าสาง กลับต้องหลั่งน้ำตาอย่างโศกเศร้า เพราะเราไม่มีบ้านเกิดให้อยู่อีก

เราพรากจากคนรักในความฝัน แต่เมื่อพลันตื่นขึ้นในยามฟ้าสาง กลับยิ้มแย้มช่างชื่นบานเพราะอาหารแสนอร่อย

เราหลับฝัน เราฟื้นตื่น วนเวียนซ้ำไป ชีวิตถูกแบ่งเป็นหลายส่วน และร้อยเรียงเข้าด้วยกัน

เรามักคิดว่าตนแยกแยะตอนตื่น และตอนฝันได้ชัดเจน...

แต่หากไม่ตื่นขึ้นมา แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราเคยอยู่ในความฝัน?

แล้วถ้าอยู่ในความฝัน จะปลุกให้ตื่นขึ้นมาได้อย่างไร?

(...)

ดวงดาวโผนทะยานแล้วร่วงหล่น สรรพสิ่งถือกำเนิดแล้วเสื่อมสลาย

โลกกว้างใหญ่ไพศาล กาลเวลายาวนานต่อเนื่อง โชคชะตาดั่งใยแมงมุมอันไร้ที่สิ้นสุด

เราเป็นเพียงแมลงบนเส้นใย เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ ที่ประดับไว้บนผืนฟ้าแห่งชีวิต

เราสั่นเทาอย่างสับสน การเกิดและดับ ดุจดั่งเมฆที่เคลื่อนคล้อยมารวมตัวกัน แล้วสลายไปตามอำเภอใจ...

โลกไม่เคยขอให้เราเข้าใจ แล้วเหตุใดต้องเปลืองแรงไปวิเคราะห์ สันนิษฐาน หรือสร้างขึ้น?

หรือมีใครเอาเตียงมาวางซ้อนเตียง? หรือมีใครวางเสาไว้ใต้ฐานรากอีก?

ผู้ที่ไม่สามารถรับรู้ได้ ไม่จำเป็นต้องมีอยู่ และแม้ว่าจะมีอยู่ ก็เป็นเพียงความว่างเปล่า

(...)

ฉันเห็นกลิ่นหอมรัญจวนจากเกสรที่สั่นไหวของต้นนางฟ้า ได้ยินความหวานสดใสจากบทเพลงที่บรรเลงในงานเลี้ยง

ฉันได้กลิ่นสีสันอันสดใสจากความหอมของมวลบุปผาในเรือนเพาะ ได้ลิ้มรสท่วงทำนองอันรื่นเริงจากกระแสน้ำหวาน

วิญญาณของฉันสอนมานานแล้วว่า สรรพสิ่งนั้นคือสิ่งใด และสติปัญญาก็เข้าใจมานานแล้วว่า อย่าใช้ตรรกะปัญญาพันธนาการตัวเอง

ฉันพบดอกไม้ดอกหนึ่ง ฉันมองดู รับฟัง ดมดอม และลิ้มรส มันอยู่ตรงนั้น...

แต่ถ้าฉันนำมันมาเขียน วาดภาพ หรือเก็บรักษา ดอกไม้ก็จะไม่ใช่ดอกไม้อย่างเดิมอีก

(...)