จดหมายที่ส่งถึงครอบครัว
จดหมายที่ Louis เขียนถึงพี่ชายของตัวเอง ซึ่งบ่นเรื่องที่ตัวเองตามคว้าดาวไม่สำเร็จ

จดหมายที่ส่งถึงครอบครัว

ถึง พี่ชายที่เคารพรัก

ช่วงนี้สบายดีมั้ย?

ไม่ว่าพี่จะสบายดีรึไม่ แต่เอาเป็นว่าฉันน่ะแย่สุดๆ เลย

เอาล่ะ ยกโทษให้ฉันด้วยนะ ที่ผ่านไปหนึ่งเดือนกว่าแล้วเพิ่งจะติดต่อมาหาพี่ ก็ความห่วงใยที่เป็นเหมือนแม่ของพี่ มันเหมือนฝูงยุงที่อยู่ริมบึงน้ำในคืนฤดูร้อนเลยนี่นา และยกโทษให้ฉันด้วยนะ ที่ปลายปากกาของฉันในตอนนี้ มันเต็มไปด้วยพิษแห่งความขุ่นเคือง แต่ก็อย่างที่พี่เคยพูดไว้ไง "บางทีก็พึ่งพาพี่ชายของตัวเองบ้างก็ได้" ใช่มั้ย? เพราะงั้นอย่าเพิ่งบ่นฉันเลย แต่ช่วยฟังฉันบ่นก่อนนะ

ก่อนหน้านี้ฉันหลงใหลผลงานของจิตรกรคนหนึ่ง... ฉันรู้ว่าพี่รู้หมดแล้ว แต่ตอนนี้ช่วยตั้งใจฟังฉันก่อนนะ... เพราะงั้นฉันเลยเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับพวกมัน โดยใช้เทคนิคการวิเคราะห์ตามแบบที่ฉันใช้เป็นประจำ... ใช่แล้ว มันคือ "วิธีสำรวจความคิดจิตใจ" ที่เจ้าทึ่มในวงการพวกนั้นบอกว่าเป็น "การวิเคราะห์เจาะลึก สอดส่องความเป็นส่วนตัว และเปิดเผยสู่สาธารณะ" นั่นแหละ

บอกตามตรงนะ คนหัวโบราณพวกนั้นน่าจะเรียนรู้จาก บรรดาอาจารย์ของพวกเขาที่ล่วงลับไปแล้วบ้างว่า จะรักษาความสงบและทำจิตใจให้สงบได้ยังไง พวกเขาบอกว่า "มีแต่คนเพี้ยนเท่านั้นแหละ ที่ชอบเปิดเผยตัวตนจนหมดเปลือก" แต่คอยดูเถอะ สักวันนึงเมื่อฝาโลงศพของพวกเขาผุพัง จะมีกระดูกเก่าๆ ท่อนไหนบ้างที่ไม่ถูกเปิดเผยให้เห็น?

เอาล่ะ ออกนอกเรื่องอีกแล้ว งั้นกลับมาที่เรื่องของจิตรกรใหม่นะ หลังจากบทความที่สองของฉันเผยแพร่ออกไป คอมเมนต์บนเว็บไซต์ก็คึกคักขึ้นมาเหมือนทุกที มีคนที่ชื่นชมฉัน โจมตีฉัน คนที่ทั้งชื่นชมและโจมตีฉัน คนที่เอาแต่โจมตีฉันอย่างเดียว คนที่คอยสุมไฟใส่ฉัน และคนที่แวะมาดูเรื่องสนุกๆ...

แต่พี่เดาสิว่าเกิดอะไรขึ้น... สมมุติว่าพี่ยังไม่รู้น่ะ... จิตรกรคนนี้เธอ... ชมฉันด้วยล่ะ

จาก "ชื่อเสียง" ในแวดวงของฉันในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ คำชื่นชมที่ไม่แฝงการเหน็บแนม หรือการประจบประแจง มันหาได้ยากยิ่งกว่าแสงแดดในฤดูใบไม้ผลิของ Snowland ซะอีก ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าคำพูดของเธอจะเรียบง่าย แต่กลับแฝงไปด้วยความจริงใจ

เพราะงั้นฉันเลยดีใจจนลืมตัว... แต่บอกตามตรงนะ สำหรับฉันแล้ว สิ่งล่อใจอย่างการมีเพื่อนที่มีรสนิยมและความสนใจที่เข้ากันได้ ก็เหมือนกับการมีคุกกี้น้ำตาลกล่องใหญ่วางอยู่ตรงหน้า และบอกว่าไม่จำกัดปริมาณนั่นแหละ! (จริงสิ ได้ยินพ่อบ้านบอกว่าช่วงนี้ระดับน้ำตาลของพี่เกินเกณฑ์อีกแล้ว ทางที่ดีพี่ควรจะเคลียร์ตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนที่ฉันจะกลับบ้านนะ) ดังนั้นโปรดเข้าใจด้วยว่า แม้ว่าการที่ฉันเดินทางมายัง Penacony จะเป็นการตัดสินใจที่วู่วามจริงๆ... แต่สำหรับฉันแล้ว ความกระตือรือร้นและความหลงใหลที่เกิดจากงานศิลปะนี้ ได้กลายเป็นแสงไฟเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของฉันไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ฉันมี Claudia เดินทางมาเป็นเพื่อนด้วย เพราะงั้นพี่วางใจได้เลย

ลดเสียงหัวเราะของพี่ลงหน่อยเถอะ! ใช่แล้ว ฉันนึกไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองอุตส่าห์เดินทางตั้งไกลเพื่อมาเยี่ยมเยือน แต่ผลกลับกลายเป็นว่า ชายังไม่ทันเย็น ก็ต้องออกเดินทางอย่างหงอยๆ อีกแล้ว แถมยังนึกไม่ถึงด้วยว่า จิตรกรผู้ยิ่งใหญ่ที่น่าทึ่งคนนี้ ในโลกความจริงจะเป็นเพียงแม่บ้าน ที่ไม่มีความคิดหรือความปรารถนาแรงกล้าอะไรเลย และยิ่งนึกไม่ถึงด้วยว่า ความสง่างามและความอ่อนโยนนั้น จะเป็นแค่ความเกรงใจและการบ่ายเบี่ยงเท่านั้น!

ฉันเคยนับถือจิตรกรผู้ยิ่งใหญ่คนนี้มาก แต่ตอนนี้แค่เห็นชื่อของเธอ ก็มีภาพพู่กันที่ใช้งานมานานหลายปีลอยขึ้นมาตรงหน้าฉันเลย... มีเพียงตอนที่ดูดซับสีที่เรียกว่าแรงบันดาลใจเท่านั้น มันถึงจะอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น แต่เมื่อล้างสีน้ำมันออกไป ก็จะเผยให้เห็นตัวมันเองที่ขาวซีด แข็งกระด้าง และไม่มีค่าอะไรเลย!

ถึงอย่างนั้น พี่ก็รู้นี่ว่าฉันไม่มีทางเสียมารยาทกับผู้หญิงที่ "มีพรสวรรค์" อยู่แล้ว และฉันก็ไม่ได้พูดจาร้ายๆ ออกไปด้วย! เพราะงั้นพวกเราเลยพูดคุยและลาจากกันอย่างมีมารยาทด้วยดี ตอนที่บอกลากัน ผู้หญิงคนนั้นยังขอให้ฉันเขียนบทวิจารณ์ ให้กับผลงานชิ้นใหม่ของเธออย่างมีมารยาทด้วย

ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ช่างเป็นการพบกันที่เต็มไปด้วย "มารยาท" ตั้งแต่ต้นจนจบเลยจริงๆ!!!

เพราะงั้น Lester... ฉันจะยังไม่กลับบ้านในเดือนนี้ เดือนหน้า หรือเดือนถัดไปโน้น ฉันจะพา Claudia ไปเที่ยวที่กาแล็กซีข้างเคียง จนกว่าฉันจะลืมเจ้าพู่กันเยินๆ ที่น่าเบื่อนั่นได้!

Louis