ลานพฤกษ์ปราชญา เป็นสถาบันที่หล่อเลี้ยงความรู้ และแหล่งกำเนิดของนักปราชญ์ ทว่า Anaxagoras ผู้ดูหมิ่นเทพ ผู้สืบสายโลหิตทอง ที่ตั้งคำถามต่อเชื้อไฟแห่ง "เหตุผล" เอ๋ย... แม้จะต้องแบกรับชื่อเสียงอัปยศ ก็ยังยินดีจะขัดขืนคำพยากรณ์ และแทงกิ่งไม้แห่งความสงสัยเข้าไปใน ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาหรือไม่? ..."น่าขันเสียจริง โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องเท็จ มีเพียงฉันเท่านั้นที่เป็นความจริง"
Anaxa
ปัญญา
ลม
Lv.1/20
HP
ATK
DEF
ความเร็วยั่วยุ
Add to Plannerลานพฤกษ์ปราชญา เป็นสถาบันที่หล่อเลี้ยงความรู้ และแหล่งกำเนิดของนักปราชญ์ ทว่า Anaxagoras ผู้ดูหมิ่นเทพ ผู้สืบสายโลหิตทอง ที่ตั้งคำถามต่อเชื้อไฟแห่ง "เหตุผล" เอ๋ย... แม้จะต้องแบกรับชื่อเสียงอัปยศ ก็ยังยินดีจะขัดขืนคำพยากรณ์ และแทงกิ่งไม้แห่งความสงสัยเข้าไปใน ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาหรือไม่? ..."น่าขันเสียจริง โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องเท็จ มีเพียงฉันเท่านั้นที่เป็นความจริง"
โจมตีปกติ
Lv.1Pain, Brews Truth
โจมตีเดี่ยว | Energy Gen 20 | Break 30
สร้าง DMG ลม 50% ของ ATK ของ Anaxa แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว
สกิลต่อสู้
Lv.1Fractal, Exiles Fallacy
จู่โจม | Energy Gen 6/hit | Break 30/hit
สร้าง DMG ลม 35% ของ ATK ของ Anaxa แก่ศัตรูที่กำหนดหนึ่งตัว และจะสร้าง DMG เพิ่มอีก 4 ครั้ง โดยทุกครั้งที่สร้าง DMG จะสร้าง DMG ลม 35% ของ ATK ของ Anaxa แก่ศัตรูหนึ่งตัวแบบสุ่ม โดยจะยิงศัตรูเป้าหมาย ที่ยังไม่โดนสกิลต่อสู้ในครั้งนี้โจมตี ก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อปล่อยสกิล ศัตรูเป้าหมายทุก 1 ตัว ที่สามารถโจมตีได้ในการต่อสู้ จะทำให้ DMG ของสกิลต่อสู้ในครั้งนี้เพิ่มขึ้น20%
เมื่อปล่อยสกิล ศัตรูเป้าหมายทุก 1 ตัว ที่สามารถโจมตีได้ในการต่อสู้ จะทำให้ DMG ของสกิลต่อสู้ในครั้งนี้เพิ่มขึ้น
ท่าไม้ตาย
Lv.1Sprouting Life Sculpts Earth
โจมตีหมู่ | ใช้พลังงาน 140 / Gen 5 | Break 60/hit
ทำให้ศัตรูทั้งหมดติดสถานะ "ระเหิด" จากนั้นจะสร้าง DMG ลม 80% ของ ATK ของ Anaxa ให้แก่ศัตรูทั้งหมด
เมื่ออยู่ภายใต้สถานะ "ระเหิด" เป้าหมายจะถูกเพิ่มจุดอ่อนประเภทกายภาพ, ไฟ, น้ำแข็ง, สายฟ้า, ลม, ควอนตัม, จินตภาพพร้อมกัน จนกว่าจะเริ่มต้นเทิร์นของเป้าหมาย หากเป้าหมายไม่มีการต้านทานการควบคุม ก็จะไม่สามารถแอ็กชันได้ขณะที่ติดสถานะ "ระเหิด"
เมื่ออยู่ภายใต้สถานะ "ระเหิด" เป้าหมายจะถูกเพิ่มจุดอ่อนประเภทกายภาพ, ไฟ, น้ำแข็ง, สายฟ้า, ลม, ควอนตัม, จินตภาพพร้อมกัน จนกว่าจะเริ่มต้นเทิร์นของเป้าหมาย หากเป้าหมายไม่มีการต้านทานการควบคุม ก็จะไม่สามารถแอ็กชันได้ขณะที่ติดสถานะ "ระเหิด"
พรสวรรค์
Lv.1Tetrad Wisdom Reigns Thrice
สกัดกั้น
หลังจาก Anaxa โจมตีโดนศัตรูเป้าหมายทุก 1 ครั้ง จะเพิ่มจุดอ่อนแบบสุ่มประเภท แก่เป้าหมาย 1 จุด เป็นเวลา 3 เทิร์น โดยจะเพิ่มจุดอ่อน ที่เป้าหมายยังไม่มีก่อนเป็นอันดับแรก
เมื่อ Anaxa อยู่ในการต่อสู้ จะทำให้ศัตรูเป้าหมาย ที่มีจุดอ่อนในประเภทที่ต่างกัน อย่างน้อย5 จุด ติดสถานะ "เผยแก่นแท้" โดย Anaxa จะสร้าง DMG แก่เป้าหมายที่ติดสถานะ "เผยแก่นแท้" เพิ่มขึ้น 18% นอกจากนี้ หลังจากปล่อยการโจมตีปกติ หรือสกิลต่อสู้ใส่เป้าหมายดังกล่าวแล้ว ก็จะปล่อยสกิลต่อสู้ ใส่เป้าหมายดังกล่าวเพิ่มอีก 1 ครั้ง ทั้งนี้สกิลต่อสู้เพิ่มเติมดังกล่าว จะไม่ใช้แต้มสกิลต่อสู้ และจะไม่เกิดเอฟเฟกต์นี้ซ้ำอีกครั้ง หากเป้าหมายถูกกำจัด ก่อนที่จะปล่อยสกิลต่อสู้เพิ่มเติม ก็จะปล่อยใส่ศัตรูหนึ่งตัวแบบสุ่ม
เมื่อ Anaxa อยู่ในการต่อสู้ จะทำให้ศัตรูเป้าหมาย ที่มีจุดอ่อนในประเภทที่ต่างกัน อย่างน้อย
เทคนิค
Lv.1Prism of the Pupil
สกัดกั้น
หลังจากใช้เทคนิค จะทำให้ศัตรูที่อยู่ในพื้นที่ที่กำหนด ติดสถานะหวาดกลัว โดยศัตรูที่ติดสถานะหวาดกลัว จะหลบหนีไปยังทิศทางที่อยู่ห่างจาก Anaxa เป็นเวลา 10 วินาที หากฝ่ายเราเป็นฝ่ายโจมตีศัตรู ที่ติดสถานะหวาดกลัวก่อน จะถูกมองว่า เป็นการเข้าสู่การต่อสู้ โดยใช้ประโยชน์จากจุดอ่อน และหลังจากเข้าสู่การต่อสู้ Anaxa จะเพิ่มจุดอ่อนตามประเภทของผู้โจมตี 1 จุด ให้แก่ศัตรูเป้า หมายแต่ละตัวเป็นเวลา 3 เทิร์น
Roaming Signifier
เมื่อปล่อยการโจมตีปกติ จะฟื้นฟูพลังงานเพิ่มอีก 10 หน่วย
เมื่อเริ่มต้นเทิร์น หากในการต่อสู้ ไม่มีศัตรูเป้าหมายที่อยู่ในสถานะ "เผยแก่นแท้" จะฟื้นฟูพลังงาน30 หน่วยทันที
เมื่อเริ่มต้นเทิร์น หากในการต่อสู้ ไม่มีศัตรูเป้าหมายที่อยู่ในสถานะ "เผยแก่นแท้" จะฟื้นฟูพลังงาน
A2
อัตราคริติคอล +2.7%
A2
เพิ่ม DMG ลม +3.2%
A3
HP +4%
A3
Imperative Hiatus
จะเกิดเอฟเฟกต์ดังต่อไปนี้ 1 อย่าง ในการต่อสู้ครั้งนี้ ตามจำนวนตัวละคร Path "ปัญญา" ในทีมของฝ่ายเรา:
1 ตัว: DMG คริติคอลของ Anaxa เพิ่มขึ้น140%
ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป: ฝ่ายเราทั้งหมดสร้าง DMG เพิ่มขึ้น50%
1 ตัว: DMG คริติคอลของ Anaxa เพิ่มขึ้น
ตั้งแต่ 2 ตัวขึ้นไป: ฝ่ายเราทั้งหมดสร้าง DMG เพิ่มขึ้น
A4
เพิ่ม DMG ลม +4.8%
A4
อัตราคริติคอล +4%
A5
เพิ่ม DMG ลม +4.8%
A5
Qualitative Shift
จุดอ่อนต่างประเภททุกๆ 1 จุดที่ศัตรูเป้าหมายมี จะทำให้ Anaxa จะสร้าง DMG แก่ตัวดังกล่าว โดยเพิกเฉยต่อ DEF 4% ซึ่งจะคำนวณสูงสุดที่ 7 จุด
A6
HP +6%
A6
อัตราคริติคอล +5.3%
Lv75
เพิ่ม DMG ลม +3.2%
Lv1
เพิ่ม DMG ลม +6.4%
Lv80
1Magician, Isolated by Stars
หลังจากปล่อยสกิลต่อสู้เป็นครั้งแรก จะฟื้นฟูแต้มสกิลต่อสู้ 1 แต้ม แล ะเมื่อปล่อยสกิลต่อสู้โจมตีศัตรูเป้าหมาย จะทำให้ DEF ของเป้าหมายลดลง 16% เป็นเวลา 2 เทิร์น
2Soul, True to History
เมื่อศัตรูเป้าหมายเข้าสู่การต่อสู้ จะเกิดเอฟเฟกต์เพิ่มจุดอ่อน จากพรสวรรค์ 1 ครั้ง และทำให้ความต้านทานทุกประเภท ของตัวดังกล่าว ลดลง 20%
3Pupil, Etched into Cosmos
เลเวลท่าไม้ตาย +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลการโจมตีปกติ +1 สูงสุดไม่เกิน Lv.10
4Blaze, Plunged to Canyon
เมื่อปล่อยสกิลต่อสู้ ATK จะเพิ่มขึ้น 30% เป็นเวลา 2 เทิร์น โดยเอฟเฟกต์นี้ สามารถซ้อนทับได้มากสุด 2 ชั้น
5Embryo, Set Beyond Vortex
เลเ วลสกิลต่อสู้ +2 สูงสุดไม่เกิน Lv.15 และเลเวลพรสวรรค์ +2 สูงสุดไม่เกิน
Lv.15
Lv.
6Everything Is in Everything
Anaxa สร้าง DMG 130% ของ DMG เดิม โดยเอฟเฟกต์ทั้ง 2 ประเภทของ Trace "Imperative Hiatus" จะเกิดขึ้นโดยตรง ซึ่งจะไม่ขึ้นอยู่กับจํานวนตัวละคร Path "ปัญญา" ในทีมอีกต่อไป
ฝ่าย
Amphoreus
รายละเอียดตัวละคร
ลานพฤกษ์ปราชญา เป็นสถาบันที่หล่อเลี้ยงความรู้ และแหล่งกำเนิดของนักปราชญ์
ทว่า Anaxagoras ผู้ดูหมิ่นเทพ ผู้สืบสายโลหิตทองที่ตั้งคำถามต่อเชื้อไฟแห่ง "เหตุผล" เอ๋ย... แม้จะต้องแบกรับชื่อเสียงอัปยศ ก็ยังยินดีจะขัดขืนคำพยากรณ์ และแทงกิ่งไม้แห่งความสงสัย เข้าไปในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาหรือไม่?
..."น่าขันเสียจริง โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องเท็จ มีเพียงฉันเท่านั้นที่เป็นความจริง"
ทว่า Anaxagoras ผู้ดูหมิ่นเทพ ผู้สืบสายโลหิตทองที่ตั้งคำถามต่อเชื้อไฟแห่ง "เหตุผล" เอ๋ย... แม้จะต้องแบกรับชื่อเสียงอัปยศ ก็ยังยินดีจะขัดขืนคำพยากรณ์ และแทงกิ่งไม้แห่งความสงสัย เข้าไปในต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์แห่งปัญญาหรือไม่?
..."น่าขันเสียจริง โลกนี้เต็มไปด้วยเรื่องเท็จ มีเพียงฉันเท่านั้นที่เป็นความจริง"
เรื่องราวของตัวละคร 1
ปลดล็อกเมื่อตัวละครถึง Lv.20
"อ่า เจ้าเกิดในเมืองที่ห่างไกล พ่อแม่จากไปนานแล้ว เหลือเพียงพี่สาวคนเดียวที่พึ่งพาได้ และอาศัยเงินจากการเลี้ยงสัตว์ มาเลี้ยงปากท้อง
เจ้าเป็นคนแปลกแยกมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่คนวัยเดียวกัน กำลังวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้า เจ้าก็เอาแต่หลบอยู่ใต้ร่มไม้ แล้วเก็บใบไม้ที่ร่วงลงสู่พื้น
'ทำไมอสูรธรณีถึงบินขึ้นฟ้าไม่ได้?'
เจ้ามองอสูรธรณีที่เติบโตมาด้วยกัน แล้วพึมพำกับตัวเอง
'เพราะชาติก่อนอสูรธรณีตัวนี้ คงเป็นหนอนหนังสือเหมือนกันละมั้ง!'
เจ้าได้ยินคำพูดแบบนี้มาหลายครั้งหลายหน แต่ไม่เคยเข้าใจเลยว่า เหตุใดมันถึงเป็นการเยาะเย้ยไปได้
'ถ้าเทพเจ้าสามารถทำได้ทุกอย่าง แล้วทำไมถึงยังกลัวความตาย?'
ในวิหารที่มีการท่องคำสอนศักดิ์สิทธิ์ สิ่งต่างๆ ที่ถูกต้องสมเหตุสมผล กลับทำให้เจ้าสงสัยเสมอ
'ออกไปซะ Anaxagoras!'
นักบวชผู้กระฟัดกระเฟียด มักจะไล่เจ้าออกจากวิหารเสมอ
พี่สาวไม่เคยกล่าวโทษเจ้า ซ้ำยังเจียดรายได้ที่มีอยู่น้อยนิด มาซื้อหนังสือและอุปกรณ์ที่เจ้าอยากได้
ทั้งตะปูควงขนาดเล็ก คีมที่หนักอึ้ง และตาชั่งอันพิถีพิถัน... เจ้าคลุกคลีอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ที่บ้าน และดื่มด่ำไปกับความสุขในการสร้างสรรค์
ตอนอายุห้าขวบ เจ้ามักจะสงสัยใคร่รู้ต่อชีวิตอย่างไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นนกจักรกลที่ร้องเพลงได้โดยอัตโนมัติ เครื่องฟักอสูรธรณี หรือดอกไม้เทียมที่มีสีสันสดใสตลอดก็ตาม... เจ้าเอ่ยขึ้นอย่างอาจหาญว่า จะกลายเป็นผู้ที่รอบรู้ที่สุด จิ๊ๆๆ การที่คำพูดอันเปี่ยมพลังของเด็กน้อย ถูกคนในครอบครัวถือเป็นจริงเป็นจัง ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
ต่อมา พี่สาวก็ได้ยินจากคนค้าขายที่สัญจรไปมาว่า มีโรงเรียนแห่งหนึ่งชื่อลานพฤกษ์ปราชญา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่อุทิศแด่การแสวงหาความรู้ เจ้าแอบจดจำชื่อนี้เอาไว้ และคิดว่าถ้าในอนาคต เจ้ากับพี่สาวได้ไปที่นั่น ชีวิตก็คงจะไม่ลำบากเช่นนี้แล้ว
หลังจากนั้น ในที่สุด นางก็รวบรวมค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายจนครบ จากนั้นจึงขอให้เพื่อนที่ทำการค้า ถือโอกาสส่งเจ้าไปเรียนที่ลานพฤกษ์
เมื่อเดินทางไปได้เพียงครึ่ง พอได้ยินข่าวเรื่องการรุกรานของคลื่นทมิฬ เจ้าก็รีบร้อนกลับมา ทว่าซากปรักหักพังที่ถูกกัดกร่อนนั้น ช่างน่าอดสูจนไม่อาจทนดูได้... ไม่คิดเลยว่าคนที่แสนเย่อหยิ่งแบบเจ้า ก็มีช่วงเวลาที่ทรุดลงกับพื้นแบบนี้ เจ้าคงไม่ได้อธิษฐานต่อเทพเจ้าอยู่หรอก ใช่ไหม..."
"อย่ามาวุ่นวายกับความคิดของข้าอีก ไททันจอมจุ้น"
ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ความทรงจำ ความรู้สึกที่ไม่แน่ชัดว่า เป็นความโกรธหรือความเศร้า ฉายพาดผ่านดวงตาข้างขวาของเขาไป
เจ้าเป็นคนแปลกแยกมาตั้งแต่เด็ก ในขณะที่คนวัยเดียวกัน กำลังวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งหญ้า เจ้าก็เอาแต่หลบอยู่ใต้ร่มไม้ แล้วเก็บใบไม้ที่ร่วงลงสู่พื้น
'ทำไมอสูรธรณีถึงบินขึ้นฟ้าไม่ได้?'
เจ้ามองอสูรธรณีที่เติบโตมาด้วยกัน แล้วพึมพำกับตัวเอง
'เพราะชาติก่อนอสูรธรณีตัวนี้ คงเป็นหนอนหนังสือเหมือนกันละมั้ง!'
เจ้าได้ยินคำพูดแบบนี้มาหลายครั้งหลายหน แต่ไม่เคยเข้าใจเลยว่า เหตุใดมันถึงเป็นการเยาะเย้ยไปได้
'ถ้าเทพเจ้าสามารถทำได้ทุกอย่าง แล้วทำไมถึงยังกลัวความตาย?'
ในวิหารที่มีการท่องคำสอนศักดิ์สิทธิ์ สิ่งต่างๆ ที่ถูกต้องสมเหตุสมผล กลับทำให้เจ้าสงสัยเสมอ
'ออกไปซะ Anaxagoras!'
นักบวชผู้กระฟัดกระเฟียด มักจะไล่เจ้าออกจากวิหารเสมอ
พี่สาวไม่เคยกล่าวโทษเจ้า ซ้ำยังเจียดรายได้ที่มีอยู่น้อยนิด มาซื้อหนังสือและอุปกรณ์ที่เจ้าอยากได้
ทั้งตะปูควงขนาดเล็ก คีมที่หนักอึ้ง และตาชั่งอันพิถีพิถัน... เจ้าคลุกคลีอยู่กับอุปกรณ์เหล่านี้ที่บ้าน และดื่มด่ำไปกับความสุขในการสร้างสรรค์
ตอนอายุห้าขวบ เจ้ามักจะสงสัยใคร่รู้ต่อชีวิตอย่างไม่สิ้นสุด ไม่ว่าจะเป็นนกจักรกลที่ร้องเพลงได้โดยอัตโนมัติ เครื่องฟักอสูรธรณี หรือดอกไม้เทียมที่มีสีสันสดใสตลอดก็ตาม... เจ้าเอ่ยขึ้นอย่างอาจหาญว่า จะกลายเป็นผู้ที่รอบรู้ที่สุด จิ๊ๆๆ การที่คำพูดอันเปี่ยมพลังของเด็กน้อย ถูกคนในครอบครัวถือเป็นจริงเป็นจัง ช่างเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ
ต่อมา พี่สาวก็ได้ยินจากคนค้าขายที่สัญจรไปมาว่า มีโรงเรียนแห่งหนึ่งชื่อลานพฤกษ์ปราชญา เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ที่อุทิศแด่การแสวงหาความรู้ เจ้าแอบจดจำชื่อนี้เอาไว้ และคิดว่าถ้าในอนาคต เจ้ากับพี่สาวได้ไปที่นั่น ชีวิตก็คงจะไม่ลำบากเช่นนี้แล้ว
หลังจากนั้น ในที่สุด นางก็รวบรวมค่าเดินทาง และค่าใช้จ่ายจนครบ จากนั้นจึงขอให้เพื่อนที่ทำการค้า ถือโอกาสส่งเจ้าไปเรียนที่ลานพฤกษ์
เมื่อเดินทางไปได้เพียงครึ่ง พอได้ยินข่าวเรื่องการรุกรานของคลื่นทมิฬ เจ้าก็รีบร้อนกลับมา ทว่าซากปรักหักพังที่ถูกกัดกร่อนนั้น ช่างน่าอดสูจนไม่อาจทนดูได้... ไม่คิดเลยว่าคนที่แสนเย่อหยิ่งแบบเจ้า ก็มีช่วงเวลาที่ทรุดลงกับพื้นแบบนี้ เจ้าคงไม่ได้อธิษฐานต่อเทพเจ้าอยู่หรอก ใช่ไหม..."
"อย่ามาวุ่นวายกับความคิดของข้าอีก ไททันจอมจุ้น"
ชายหนุ่มตื่นจากภวังค์ความทรงจำ ความรู้สึกที่ไม่แน่ชัดว่า เป็นความโกรธหรือความเศร้า ฉายพาดผ่านดวงตาข้างขวาของเขาไป
เรื่องราวของตัวละคร 2
ปลดล็อกเมื่อตัวละครถึง Lv.40
หมายเลข: 13
หัวข้อ: การทดลองเลือดสีทองของผู้สืบสายโลหิตทอง
วัสดุ: เลือดของตัวเอง
บันทึก: ของเหลวที่ได้จากการสกัด มีลักษณะเหมือนทองคำเหลว เมื่อมองผ่านกล้อง จะเห็นโครงสร้างที่มีรูปร่างแบบเมล็ดพันธุ์ ในระหว่างกระบวนการสูบเลือด เกิดอาการสลบไปทั้งหมดสามครั้ง
...
หมายเลข:55
หัวข้อ: การผ่าวิญญาณของผลงานรังสรรค์ไททัน
วัสดุ: ผลงานรังสรรค์ไททัน██ ที่ใกล้ตาย 3 ตัว ยาปรอท และสารสกัดจากดอก Antila
บันทึก: ในระหว่างที่ผ่าถึงแกนกลาง เป้าหมายทดลองเกิดคลุ้มคลั่งกะทันหัน ยังดีที่มีแค่ฉันที่บาดเจ็บสาหัส ไม่มีคนอื่นบาดเจ็บ หลังจากนั้น ได้ปรับปรุงอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ ทำให้ลำดับวงศ์ตระกูลวิญญาณของไททัน ██ ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว
...
หมายเลข:144
หัวข้อ: การทดลองหลอมวิญญาณในช่วงกลาง
วัสดุ: ดวงไฟวิญญาณที่นักวิชาการบริจาค และผลงานรังสรรค์ไททัน
บันทึก: ████ สหายที่เคารพ ตามคำสั่งเสียของคุณ ร่างของคุณจะกลายเป็นเปลวไฟ ที่เผาไหม้เสาการลงทัณฑ์ ส่วนวิญญาณของคุณ จะกลายเป็นเสาหลักที่มนุษย์จะใช้วิเคราะห์ไททัน!
...
*หมายเหตุที่ยุ่งเหยิงในหน้าสุดท้าย*:
เรื่องนั้นผ่านมานานหลายปีแล้ว ความหนาวเหน็บแห่งความตาย ยังคงวนเวียนในดวงตาข้างซ้าย แต่ฉันได้เห็น "วิญญาณ" ของมนุษย์ ความร้อนนั้น เพียงพอที่จะเติมเต็มความว่างเปล่าแล้ว
บางทีอาจจะเป็นพรุ่งนี้ บางทีอาจจะเป็นปีหน้า หรือบางทีอาจจะเป็นวินาทีต่อไป...
ฉันจะถูกกล่าวหา จะถูกจับกุม เพราะมีคนอยากให้ฉันก้มหัว และอยากให้ฉันเงียบปาก
แต่พี่... ฉันจำได้ว่า ฉันได้เจอกับพี่เป็นครั้งสุดท้ายที่นี่ ถึงพี่จะไม่ได้พูดอะไรเลย
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะฉันรู้ว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
สิบกว่าปีมานี้ ก็เป็นแบบนี้มาตลอด...
"ทุกการทดลองที่ 'ผิดพลาด' ล้วนเข้าใกล้ 'ความถูกต้อง' มากขึ้นอีกก้าว"
...บันทึกการทดลองทางวิชาการ เกี่ยวกับทฤษฎีจิตวิญญาณของ Anaxa ต้นฉบับได้ถูกทำลายไปแล้ว
หัวข้อ: การทดลองเลือดสีทองของผู้สืบสายโลหิตทอง
วัสดุ: เลือดของตัวเอง
บันทึก: ของเหลวที่ได้จากการสกัด มีลักษณะเหมือนทองคำเหลว เมื่อมองผ่านกล้อง จะเห็นโครงสร้างที่มีรูปร่างแบบเมล็ดพันธุ์ ในระหว่างกระบวนการสูบเลือด เกิดอาการสลบไปทั้งหมดสามครั้ง
...
หมายเลข:
หัวข้อ: การผ่าวิญญาณของผลงานรังสรรค์ไททัน
วัสดุ: ผลงานรังสรรค์ไททัน██ ที่ใกล้ตาย 3 ตัว ยาปรอท และสารสกัดจากดอก Antila
บันทึก: ในระหว่างที่ผ่าถึงแกนกลาง เป้าหมายทดลองเกิดคลุ้มคลั่งกะทันหัน ยังดีที่มีแค่ฉันที่บาดเจ็บสาหัส ไม่มีคนอื่นบาดเจ็บ หลังจากนั้น ได้ปรับปรุงอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุ ทำให้ลำดับวงศ์ตระกูลวิญญาณของไททัน ██ ใกล้จะสมบูรณ์แล้ว
...
หมายเลข:
หัวข้อ: การทดลองหลอมวิญญาณในช่วงกลาง
วัสดุ: ดวงไฟวิญญาณที่นักวิชาการบริจาค และผลงานรังสรรค์ไททัน
บันทึก: ████ สหายที่เคารพ ตามคำสั่งเสียของคุณ ร่างของคุณจะกลายเป็นเปลวไฟ ที่เผาไหม้เสาการลงทัณฑ์ ส่วนวิญญาณของคุณ จะกลายเป็นเสาหลักที่มนุษย์จะใช้วิเคราะห์ไททัน!
...
*หมายเหตุที่ยุ่งเหยิงในหน้าสุดท้าย*:
เรื่องนั้นผ่านมานานหลายปีแล้ว ความหนาวเหน็บแห่งความตาย ยังคงวนเวียนในดวงตาข้างซ้าย แต่ฉันได้เห็น "วิญญาณ" ของมนุษย์ ความร้อนนั้น เพียงพอที่จะเติมเต็มความว่างเปล่าแล้ว
บางทีอาจจะเป็นพรุ่งนี้ บางทีอาจจะเป็นปีหน้า หรือบางทีอาจจะเป็นวินาทีต่อไป...
ฉันจะถูกกล่าวหา จะถูกจับกุม เพราะมีคนอยากให้ฉันก้มหัว และอยากให้ฉันเงียบปาก
แต่พี่... ฉันจำได้ว่า ฉันได้เจอกับพี่เป็นครั้งสุดท้ายที่นี่ ถึงพี่จะไม่ได้พูดอะไรเลย
แต่แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว เพราะฉันรู้ว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
สิบกว่าปีมานี้ ก็เป็นแบบนี้มาตลอด...
"ทุกการทดลองที่ 'ผิดพลาด' ล้วนเข้าใกล้ 'ความถูกต้อง' มากขึ้นอีกก้าว"
เรื่องราวของตัวละคร 3
ปลดล็อกเมื่อตัวละครถึง Lv.60
"เหล่าปราชญ์แห่งลานพฤกษ์:
เรื่องข้อกล่าวหาจากนักวิชาการบางท่าน ซึ่งมีทั้งหมดสามประการ ได้แก่ 'หมิ่นประมาททางวิชาการ' 'ทำลายเยาวชน' และ 'ไม่เชื่อในเทพเจ้า' ฉันไม่มีแก่ใจจะมาสนใจลูกไม้พวกนี้ และไม่สนใจจะโต้แย้งแทนตัวเองด้วย แต่เมื่อพิจารณาว่า นี่อาจช่วยให้ทุกท่าน เข้าใจการวิจัยของฉันได้ลึกซึ้งขึ้น ฉันจะอธิบายให้ฟังแบบรวบรัดก็ได้
ในส่วนความผิดฐานหมิ่นประมาททางวิชาการ พวกเขากล่าวว่า ฉันสบประมาทการวิจัยเกี่ยวกับจิตวิญญาณ และไททันวิทยาแบบดั้งเดิม อย่างเปิดเผยในชั้นเรียน โดยการเรียกมันว่าเป็น 'คลื่นทมิฬในแวดวงวิชาการ' ฉันจึงอยากขอถามหน่อยว่า การวิจารณ์เช่นนี้มีข้อผิดพลาดหรือไม่? สาขาวิชาหนึ่งศึกษาว่า ไททันยืนอยู่บนปลายเข็มได้หรือไม่ และอีกสาขาดันยืนกรานว่า แก่นแท้ของจิตวิญญาณคือน้ำ ทั้งสองสาขาวิชานี้กลับอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ เพราะพลังอำนาจบางอย่าง แล้วแบบนี้ จะแตกต่างจากคลื่นทมิฬ ทางจิตวิญญาณตรงไหนกัน?
ฉันเล่าเรียนอยู่ในลานพฤกษ์มาตั้งแต่เด็ก ฉันรู้ดีว่ามีเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ และความสงสัยเท่านั้น ที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติทางความคิดได้ ฉันส่งเสริมให้นักเรียนท้าทายอำนาจของฉัน นี่แหละ สิ่งที่คนพวกนั้นเรียกว่าเป็น 'การทำลายเยาวชน' ยกตัวอย่างในตอนที่ Phainon และ Castorice เพิ่งเริ่มเข้าเรียน พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิธีคิด และตรรกะเลยสักนิด แต่ตอนนี้ บางครั้งบางคราวพวกเขาก็หักล้างฉัน จนทำเอาฉันพูดไม่ออกได้แล้ว! ถ้าจะบอกว่านี่คือการ 'ทำลาย' เยาวชน ฉันก็จินตนาการไม่ออกเลยว่า 'การศึกษาที่ถูกที่ควร' ที่พวกเขาพูดถึงคือสิ่งใดกัน
ด้วยเหตุนี้ บางคนจึงกล่าวหาว่า ฉันสนิทสนมกับผู้สืบสายโลหิตทอง ที่เข้าร่วมการไล่ล่าเปลวไฟ ทั้งยังป่าวประกาศว่า ทฤษฎีของฉันเป็นการสนับสนุน ให้พวกเขาช่วงชิงเชื้อไฟ ใช่แล้วล่ะ ฉันเคยขอคำชี้แนะเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ที่สูญหายไปจากคุณ Tribios และบังเอิญว่านักเรียนดีเด่นทั้งสองของฉัน ก็เป็นผู้สืบสายโลหิตทองเช่นกัน แล้วมันยังไงล่ะ?
ฉันเองก็เป็นผู้สืบสายโลหิตทอง ที่พวกเขาพูดถึงเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เคยงมงายในคำพยากรณ์ศักดิ์สิทธิ์ หากทวยเทพคือตัวตนอันบริสุทธิ์และเป็นนิรันดร์ ที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ ถ้าเช่นนั้นก็จงฟังให้ดี บนโลกนี้คงมีเทพเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือความจริงที่ไม่อาจทำลายได้!
มีเพียงผู้ที่ศรัทธาความจริงเท่านั้น ที่จะยืนหยัดต่อไปบนเส้นทางนี้ได้ แต่บรรดาผู้มีอำนาจที่อ้างว่าตนมีปัญญา กลับหวาดกลัวการดับสูญของทวยเทพถึงเพียงนี้เสียได้
พวกคุณเสนอให้ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าว ภายใต้การเป็นประจักษ์พยานของ Cerces เพื่อคลี่คลายสถานการณ์... แต่ขอโทษด้วย ฉันไม่มีความตั้งใจแบบนั้น ตรงกันข้าม ฉันต้องการเตือนผู้ที่กล่าวหาฉันอย่างหนึ่ง...
โลกในอนาคตจะเข้าใจฉัน ส่วนพวกคุณที่ตั้งข้อกล่าวหาฉัน ควรจะหวาดกลัวยิ่งกว่าฉัน ที่ต้องมาฟังคำตัดสินเสียอีก!"
...การโต้แย้งแบบด้นสดของ Anaxa ในการประชุมนักปราชญ์ครั้งหนึ่ง
เรื่องข้อกล่าวหาจากนักวิชาการบางท่าน ซึ่งมีทั้งหมดสามประการ ได้แก่ 'หมิ่นประมาททางวิชาการ' 'ทำลายเยาวชน' และ 'ไม่เชื่อในเทพเจ้า' ฉันไม่มีแก่ใจจะมาสนใจลูกไม้พวกนี้ และไม่สนใจจะโต้แย้งแทนตัวเองด้วย แต่เมื่อพิจารณาว่า นี่อาจช่วยให้ทุกท่าน เข้าใจการวิจัยของฉันได้ลึกซึ้งขึ้น ฉันจะอธิบายให้ฟังแบบรวบรัดก็ได้
ในส่วนความผิดฐานหมิ่นประมาททางวิชาการ พวกเขากล่าวว่า ฉันสบประมาทการวิจัยเกี่ยวกับจิตวิญญาณ และไททันวิทยาแบบดั้งเดิม อย่างเปิดเผยในชั้นเรียน โดยการเรียกมันว่าเป็น 'คลื่นทมิฬในแวดวงวิชาการ' ฉันจึงอยากขอถามหน่อยว่า การวิจารณ์เช่นนี้มีข้อผิดพลาดหรือไม่? สาขาวิชาหนึ่งศึกษาว่า ไททันยืนอยู่บนปลายเข็มได้หรือไม่ และอีกสาขาดันยืนกรานว่า แก่นแท้ของจิตวิญญาณคือน้ำ ทั้งสองสาขาวิชานี้กลับอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้ เพราะพลังอำนาจบางอย่าง แล้วแบบนี้ จะแตกต่างจากคลื่นทมิฬ ทางจิตวิญญาณตรงไหนกัน?
ฉันเล่าเรียนอยู่ในลานพฤกษ์มาตั้งแต่เด็ก ฉันรู้ดีว่ามีเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ และความสงสัยเท่านั้น ที่ก่อให้เกิดการปฏิวัติทางความคิดได้ ฉันส่งเสริมให้นักเรียนท้าทายอำนาจของฉัน นี่แหละ สิ่งที่คนพวกนั้นเรียกว่าเป็น 'การทำลายเยาวชน' ยกตัวอย่างในตอนที่ Phainon และ Castorice เพิ่งเริ่มเข้าเรียน พวกเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับวิธีคิด และตรรกะเลยสักนิด แต่ตอนนี้ บางครั้งบางคราวพวกเขาก็หักล้างฉัน จนทำเอาฉันพูดไม่ออกได้แล้ว! ถ้าจะบอกว่านี่คือการ 'ทำลาย' เยาวชน ฉันก็จินตนาการไม่ออกเลยว่า 'การศึกษาที่ถูกที่ควร' ที่พวกเขาพูดถึงคือสิ่งใดกัน
ด้วยเหตุนี้ บางคนจึงกล่าวหาว่า ฉันสนิทสนมกับผู้สืบสายโลหิตทอง ที่เข้าร่วมการไล่ล่าเปลวไฟ ทั้งยังป่าวประกาศว่า ทฤษฎีของฉันเป็นการสนับสนุน ให้พวกเขาช่วงชิงเชื้อไฟ ใช่แล้วล่ะ ฉันเคยขอคำชี้แนะเกี่ยวกับ ประวัติศาสตร์ที่สูญหายไปจากคุณ Tribios และบังเอิญว่านักเรียนดีเด่นทั้งสองของฉัน ก็เป็นผู้สืบสายโลหิตทองเช่นกัน แล้วมันยังไงล่ะ?
ฉันเองก็เป็นผู้สืบสายโลหิตทอง ที่พวกเขาพูดถึงเหมือนกัน แต่ฉันก็ไม่เคยงมงายในคำพยากรณ์ศักดิ์สิทธิ์ หากทวยเทพคือตัวตนอันบริสุทธิ์และเป็นนิรันดร์ ที่อยู่เหนือมวลมนุษย์ ถ้าเช่นนั้นก็จงฟังให้ดี บนโลกนี้คงมีเทพเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น ซึ่งก็คือความจริงที่ไม่อาจทำลายได้!
มีเพียงผู้ที่ศรัทธาความจริงเท่านั้น ที่จะยืนหยัดต่อไปบนเส้นทางนี้ได้ แต่บรรดาผู้มีอำนาจที่อ้างว่าตนมีปัญญา กลับหวาดกลัวการดับสูญของทวยเทพถึงเพียงนี้เสียได้
พวกคุณเสนอให้ทั้งสองฝ่ายถอยคนละก้าว ภายใต้การเป็นประจักษ์พยานของ Cerces เพื่อคลี่คลายสถานการณ์... แต่ขอโทษด้วย ฉันไม่มีความตั้งใจแบบนั้น ตรงกันข้าม ฉันต้องการเตือนผู้ที่กล่าวหาฉันอย่างหนึ่ง...
โลกในอนาคตจะเข้าใจฉัน ส่วนพวกคุณที่ตั้งข้อกล่าวหาฉัน ควรจะหวาดกลัวยิ่งกว่าฉัน ที่ต้องมาฟังคำตัดสินเสียอีก!"
...การโต้แย้งแบบด้นสดของ Anaxa ในการประชุมนักปราชญ์ครั้งหนึ่ง
เรื่องราวของตัวละคร 4
ปลดล็อกเมื่อตัวละครถึง Lv.80
"จนมาถึงทุกวันนี้ ฉันก็ยังไม่เคยเห็นด้วย กับการเดินทางไล่ล่าเปลวไฟแสนพิศวงเลย แต่มีเพียงประโยคหนึ่ง ที่ฉันจำฝังแน่นขึ้นใจ... การไล่ล่าเปลวไฟคือ การเดินทางแห่งการสูญเสียที่ไม่สิ้นสุด
ฉันไม่เคยเชื่อว่า ผู้สืบสายโลหิตทองจะมีชะตาชีวิตเดียวกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉันก็อยู่บนเส้นทางแห่งการสูญเสียเช่นกัน
เพียงแต่สิ่งที่ฉันสูญเสียไปยังไม่มากพอ... เมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉันแสวงหาแล้ว มันยังห่างไกล จากกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมอีกมาก
นับตั้งแต่ฉันเสนอทฤษฎีที่ว่า แก่นแท้วิญญาณของไททันกับมนุษย์ไม่ต่างกัน และวิญญาณนั้น ถูกประกอบขึ้นจากเมล็ดพันธุ์ปัญญา ฉันก็คอยรอโอกาสจะพิสูจน์มัน อย่างละเอียดมาโดยตลอด...
ในที่สุดตอนนี้ โอกาสนั้นก็มาถึงแล้ว! ถึงแม้จะมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวไปหน่อย แต่ก็ประจวบเหมาะพอดิบพอดี
ในที่สุดวันนี้ ฉันก็ได้ชดเชยความเสียดายที่หลงเหลือ จากหายนะแบบเดียวกันในหลายปีก่อนแล้ว
ในเมื่อได้แรงบันดาลใจจากความตาย ก็ควรต้องตอบแทนในแบบเดียวกัน
...ร่างของฉันจะกลายเป็นภาชนะ เพื่อหลอมเชื้อไฟแห่งทวยเทพ จิตวิญญาณของฉันจะกลายเป็นโซ่ตรวน ที่บีบบังคับให้ทวยเทพก้มหัว และเป็นหลักฐานพิสูจน์สุดท้ายของทฤษฎีฉัน!
ตอนนี้ฉันมีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใด
ฉันเคยยิ้มแบบนี้ในตอนที่สร้างนกจักรกล ให้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้เป็นครั้งแรก และมือทั้งคู่ก็เคยสั่นเทาแบบนี้ ในครั้งแรกที่ฉันได้ฟูมฟักชีวิตใหม่ขึ้นมาเช่นกัน
ถึงนักเรียนรุ่นหลัง หากคุณได้อ่านคำพูดนี้ นั่นหมายความว่า ฉันล้มเหลวและล้มลงต่อหน้ารุ่งอรุณ
จงใช้ผลงานของฉันให้เต็มที่ มองฉันเป็นเป้าหมายในการวิจัยของคุณ! ก้าวข้ามร่างของฉัน รับช่วงคบเพลิงต่อจากฉัน และโยนฉันลงสู่เปลวไฟที่ลุกโชน ดั่งเชื้อเพลิงที่จะส่องสว่างความจริง!
อย่ากลัวการดูหมิ่น...
เดิมที การก้าวข้ามเทพก็เป็นสิ่งต้องห้ามอยู่แล้ว ถ้ากลายเป็นเทพอีก แล้วมันจะยังไงล่ะ!"
...หนึ่งในเสียงสะท้อนความทรงจำของ Anaxa หลังลานพฤกษ์ล่มสลาย ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะไม่มีผู้ใดล่วงรู้
ฉันไม่เคยเชื่อว่า ผู้สืบสายโลหิตทองจะมีชะตาชีวิตเดียวกัน แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ฉันก็อยู่บนเส้นทางแห่งการสูญเสียเช่นกัน
เพียงแต่สิ่งที่ฉันสูญเสียไปยังไม่มากพอ... เมื่อเทียบกับสิ่งที่ฉันแสวงหาแล้ว มันยังห่างไกล จากกฎการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมอีกมาก
นับตั้งแต่ฉันเสนอทฤษฎีที่ว่า แก่นแท้วิญญาณของไททันกับมนุษย์ไม่ต่างกัน และวิญญาณนั้น ถูกประกอบขึ้นจากเมล็ดพันธุ์ปัญญา ฉันก็คอยรอโอกาสจะพิสูจน์มัน อย่างละเอียดมาโดยตลอด...
ในที่สุดตอนนี้ โอกาสนั้นก็มาถึงแล้ว! ถึงแม้จะมาโดยไม่ทันได้ตั้งตัวไปหน่อย แต่ก็ประจวบเหมาะพอดิบพอดี
ในที่สุดวันนี้ ฉันก็ได้ชดเชยความเสียดายที่หลงเหลือ จากหายนะแบบเดียวกันในหลายปีก่อนแล้ว
ในเมื่อได้แรงบันดาลใจจากความตาย ก็ควรต้องตอบแทนในแบบเดียวกัน
...ร่างของฉันจะกลายเป็นภาชนะ เพื่อหลอมเชื้อไฟแห่งทวยเทพ จิตวิญญาณของฉันจะกลายเป็นโซ่ตรวน ที่บีบบังคับให้ทวยเทพก้มหัว และเป็นหลักฐานพิสูจน์สุดท้ายของทฤษฎีฉัน!
ตอนนี้ฉันมีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใด
ฉันเคยยิ้มแบบนี้ในตอนที่สร้างนกจักรกล ให้บินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้เป็นครั้งแรก และมือทั้งคู่ก็เคยสั่นเทาแบบนี้ ในครั้งแรกที่ฉันได้ฟูมฟักชีวิตใหม่ขึ้นมาเช่นกัน
ถึงนักเรียนรุ่นหลัง หากคุณได้อ่านคำพูดนี้ นั่นหมายความว่า ฉันล้มเหลวและล้มลงต่อหน้ารุ่งอรุณ
จงใช้ผลงานของฉันให้เต็มที่ มองฉันเป็นเป้าหมายในการวิจัยของคุณ! ก้าวข้ามร่างของฉัน รับช่วงคบเพลิงต่อจากฉัน และโยนฉันลงสู่เปลวไฟที่ลุกโชน ดั่งเชื้อเพลิงที่จะส่องสว่างความจริง!
อย่ากลัวการดูหมิ่น...
เดิมที การก้าวข้ามเทพก็เป็นสิ่งต้องห้ามอยู่แล้ว ถ้ากลายเป็นเทพอีก แล้วมันจะยังไงล่ะ!"
...หนึ่งในเสียงสะท้อนความทรงจำของ Anaxa หลังลานพฤกษ์ล่มสลาย ก่อนจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย เพราะไม่มีผู้ใดล่วงรู้