Duran, Dynasty of Running Wolves

Duran's Tent of Golden Sky
สิ่งที่อยู่ในมิติระนาบก็คือ เต็นท์ท้องฟ้าประกายทองของ Borisin แห่งแดนเขียวขจี ซึ่งตรงกันข้ามกับชื่อเสียงอันแสนป่าเถื่อนที่ Borisin ทิ้งไว้ในกาแล็กซี พวกเขามีเทคโนโลยีชีวภาพที่น่าทึ่ง เหล่าลูกหลานหมาป่าได้รวมตัวกันที่ข้างๆ Duran เจ้าแห่งรังผู้ยิ่งใหญ่ และมองว่าดวงดาวบนท้องฟ้า เป็นเหมือนทุ่งเลี้ยงสัตว์ ที่พวกเขาควบม้าวิ่งอยู่ท่ามกลางพวกมัน

เพลงร้องนำโบราณของมนุษย์จิ้งจอกและ Borisin ทุกสิ่งล้วนชวนให้นึกถึงดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ และสภาพอากาศที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของ "ดาวแห่งแดนเขียวขจี" แต่หากสังเกตดูอย่างละเอียดแล้ว คนที่ให้ความสนใจก็จะพบว่า นี่เป็นเพียงบทเกริ่นนำของหัวข้อตลอดกาลอย่าง "สงคราม" ก็เท่านั้น

ด้วยพรสวรรค์ในด้านการเกษตรและการค้า จึงทำให้เผ่าพันธุ์จิ้งจอก ได้สร้างเมืองที่เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาที่ริมฝั่งแม่น้ำ ขณะเดียวกัน ลูกหลานก็เดินทางไปพร้อมกับฝูงของมัน ภายใต้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยแสงขั้วโลกอันยิ่งใหญ่ และทุ่งหญ้าอันเขียวชอุ่ม จนได้รวมตัวกันเป็นเผ่าพันธุ์ที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกที่ พ่อค้าเยาะเย้ยคนเลี้ยงสัตว์ว่าเป็นพวกป่าเถื่อน ส่วนคนเลี้ยงสัตว์ก็ดูแคลนพ่อค้าว่าเป็นคนเจ้าเล่ห์ แต่พวกเขาต่างต้องเผชิญกับ การทรมานอันแสนโหดร้ายของธรรมชาติอย่าง... "จิ้งจอกคิมหันต์" และ "หมาป่าเหมันต์"

ในช่วงฤดูร้อน เมื่อเทพจิ้งจอกประทานพรให้เก็บเกี่ยวพืชผลได้อุดมสมบูรณ์ ทั้งสองฝ่ายก็จะพักผ่อนและพักรบ ต่างฝ่ายต่างพึงพอใจกันทั้งคู่ แต่เมื่อเทพหมาป่าปล่อยน้ำค้างแข็งสีขาวลงมา หิมะก็จะแผ่กระจายออกมาจากขั้วโลก และความหิวโหยก็ได้ผลักดันทั้งสองฝ่าย ไปสู่ความขัดแย้งที่ไม่สิ้นสุด

บทเพลงได้กล่าวว่า หมาป่าเหมันต์อันไร้ที่สิ้นสุดจะไม่หายไป แม้ว่าดวงอาทิตย์แห่งแดนเขียวขจีจะโคจรไปแล้ว 33 ครั้งก็ตาม ความยากจนและความหิวโหยทำให้ผู้คนเดือดร้อน จนจำเป็นต้องกินแม้กระทั่งสัตว์ที่บูชาบนเสาโทเทมเพื่อความอยู่รอด หลังจากมองเห็นจุดจบที่มีกระดูกสีขาวโพลนอยู่ทั่วทุกที่ เป็นการล่วงหน้าแล้ว ผู้ช่วยให้รอดก็ปีนขึ้นไปบนภูเขาที่สูงที่สุดในโลกมนุษย์ ในเทพนิยายของมนุษย์จิ้งจอก ผู้คนเรียกเขาว่า "Tushan" แต่ในบทเพลงของ Borisin ผู้คนเรียกเขาว่า "Duran" แต่ไม่ว่าผู้ช่วยให้รอดคนนี้จะชื่ออะไร เขาก็อธิษฐานต่อเจ้าแห่งอายุวัฒนะ ให้ช่วยมอบเสบียงเพื่อที่ทุกคนจะได้มีชีวิตอยู่ต่อไป จากนั้นยอดเขาก็แตกออก และน้ำพุจาก "วารีสีชาด" ที่หอมหวานราวกับการตื่นรู้ก็ได้พวยพุ่งออกมา

บรรดาผู้ที่ดื่มวารีสีชาดเข้าไป ล้วนได้รับพลัง ความคล่องแคล่ว และความแข็งแกร่ง เลือดของพวกเขาปั่นป่วนไปด้วยความดุร้ายของสัตว์ป่า และรูปลักษณ์ก็กลายเป็นสัตว์ป่ามากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด... โลกนี้จึงเปลี่ยนไป และไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีก

วารีสีชาดถูกใช้เป็นสื่อกลาง เพื่อสร้างของใช้ทุกสิ่งที่เหล่ามนุษย์หมาป่าเกิดใหม่ต้องการ พืชที่ปลูกในท้องทุ่งไม่ใช่ข้าวสาลีอีกต่อไป แต่เป็น Viscorpus สิ่งที่ปกคลุมร่างกายก็ไม่ใช่ผ้ากระสอบอีกต่อไป แต่เป็นรกแทน แม้แต่ดินแดนหิมะที่หนาวเย็น ซึ่งครั้งหนึ่งเคยสร้างความหวาดกลัวให้กับอารยธรรมแห่งแดนเขียวขจี ก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป เหล่ามนุษย์หมาป่าได้ปลูกเยื่อหุ้มชีวภาพบริเวณขั้วโลก เพื่อประดิษฐ์เป็นเต็นท์ทรงโดมอันอบอุ่น และขจัดความยากลำบากในช่วงหมาป่าเหมันต์

จากนั้นสิ่งต่างๆ ในแดนเขียวขจีก็ได้เปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกับที่เผ่าพันธุ์อายุสั้นที่ได้เปลี่ยนเป็นเผ่าพันธุ์อายุยืนยาว... จำนวนประชากรเพิ่มขึ้น ระบบนิเวศล่มสลาย และสงครามภายใน... ไม่ว่าเหล่ามนุษย์หมาป่าจะอธิษฐานต่อเจ้าแห่งอายุวัฒนะอย่างไร ก็ไม่ได้การตอบรับอีก จากนั้นพวกเขาก็เข้าใจว่า ทุกสิ่งที่เจ้าแห่งอายุวัฒนะสามารถให้ได้ ก็ได้มอบให้ไปหมดแล้ว และหากผู้คนปรารถนาจะมีชีวิตที่ดีขึ้น พวกเขาจะต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง

เมื่อรวมตัวกันรอบด้าน Duran เจ้าแห่งรังผู้ยิ่งใหญ่ เหล่ามนุษย์หมาป่าก็มองขึ้นไปบนฟ้า ที่ซึ่งเจ้าแห่งอายุวัฒนะอยู่ ดวงดาวส่องสว่างราวกับทุ่งหญ้าที่รอการสำรวจ พวกเขาจะนำอารยธรรมของดวงดาวเหล่านี้มาสู่ "หมาป่าเหมันต์"

กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนาน ต่อมาชาว Xianzhou ได้เรียกพวกเขาว่า "Borisin" ซึ่งในภาษาของแดนเขียวขจีนั้นแปลว่า "หมาป่า"
2pc เซ็ตเอฟเฟกต์เมื่อตัวละครฝ่ายเรา ปล่อยการโจมตีต่อเนื่อง ผู้สวมใส่จะได้รับ "คุณความดี" หนึ่งชั้น และจะซ้อนทับได้มากสุด 5 ชั้น โดย "คุณความดี" แต่ละชั้น จะทำให้การโจมตีต่อเนื่องของผู้สวมใส่ สร้าง DMG เพิ่มขึ้น 5% เมื่อซ้อนทับถึง 5 ชั้นแล้ว จะทำให้ DMG คริติคอล ของผู้สวมใส่เพิ่มขึ้นอีก 25%
Duran's Tent of Golden Sky
+0/15
HP
6.91%
ATK
6.91%
DEF
8.64%
เพิ่ม DMG กายภาพ
6.22%
เพิ่ม DMG ไฟ
6.22%
เพิ่ม DMG น้ำแข็ง
6.22%
เพิ่ม DMG สายฟ้า
6.22%
เพิ่ม DMG ลม
6.22%
เพิ่ม DMG ควอนตัม
6.22%
เพิ่ม DMG จินตภาพ
6.22%